ความกตัญญูรู้คุณเป็นเครื่องแสดงออกถึงความดีของคน จึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าคนดีจะประสบความสำเร็จในชีวิต ฮาราลด์ ลิ้งค์ เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่น่าชื่นชมในเรื่องอย่างมากในเรื่องดังกล่าว ความสำเร็จของ Mr.Harald Link คนเยอรมันที่ได้มีสัญชาติไทยคนนี้มีชื่อภาษาไทยว่า “หรัณ เลขนะสมิทธิ์” ได้เริ่มดำเนินธุรกิจของครอบครัวเป็นรุ่นที่ 3 สืบจากรุ่นปู่ “อดอล์ฟ ลิ้งค์” หมอยาฝรั่ง ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อก่อตั้งบริษัทกับ แบร์นฮาร์ด กริม และ แอร์วิน มุลเลอร์ ในการจัดจำหน่ายสินค้าทางเภสัชกรรมและเคมีภัณฑ์ขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ.2421 โดยห้างดังกล่าวมีชื่อว่า “สยามดิสเป็นซารี่” เป็นกิจการที่เจริญเติบโต
จนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457 – 2461) คนเยอรมันตกเป็นเชลยของรัฐบาลอังกฤษเป็นเวลานาน กระทั่งสงครามสงบ ในปี 2492 ดร.แกร์ฮาร์ด และ เฮอร์เบิร์ต ลิ้งค์ พ่อ และอาของฮาราลด์ ลิ้งค์ ได้เปิดบริษัทอีกครั้ง และฮาราลด์ ลิ้งค์ได้เริ่มเข้ามาทำงานในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2531 เป็นต้นมา และด้วยเหตุที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลไทยในยุคนั้นไม่ได้ยึดทรัพย์สินของทางบริษัทจึงทำให้บริษัท บี กริม ภายใต้การดำเนินงานของครอบครัวลิ้งค์ได้ร่วมแบ่งปันความสำเร็จให้แก่ประเทศที่เขาเข้ามาลงทุนตั้งแต่อดีต จนกระทั่งถึงในปัจจุบันโดยการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคือการดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี ที่เป็นการกระทำ/กิจกรรมเพื่อรับผิดชอบสังคม และสิ่งเเวดล้อมทั้งในระดับไกลและใกล้ อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือที่เรียกกันว่า CSR ที่ย่อมาจาก Corporate Social Responsibility ที่นิยมจัดทำขึ้นในตามแต่ละบริษัทในปัจจุบัน
บริษัท บี กริม เป็นบริษัทที่มีการบริหาร และจัดการกลุ่มธุรกิจชั้นนำหลายด้านภายในประเทศไทยด้วยกัน อาทิ ด้านพลังงาน เครื่องปรับอากาศ สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และอสังหาริมทรัพย์ แล้วด้วยความสามารถในการบริหารธุรกิจของครอบครัวให้ประสบความสำเร็จ และมีความมั่นคง ตลอดจนเป็นตัวอย่างที่ดีในการมีความรับผิดชอบต่อสังคมของ ฮาราลด์ ลิ้งค์ จึงทำให้นิตยสาร Forbes Thailand ได้จัดงาน Forbes Thailand Forum 2015 : The Next Tycoons เพื่อเป็นการปาฐกถาไขเคล็ดลับการบริหารธุรกิจภายในครอบครัวจากกูรูตัวจริงของเมืองไทยจากรุ่นสู่รุ่นโดยได้รับเกียรติจาก ฮาราลด์ และ แคโรรีน ลิ้งค์ สองผู้บริหารพ่อลูกจากกลุ่ม บริษัท บี.กริม ที่สามารถสืบทอดเจตนารมณ์ และขยายบริษัทให้เกิดความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนต่อไป ด้วยวิสัยทัศน์ และดีเอ็นเอของความสำเร็จที่ ฮาราลด์ ลิ้งค์ ได้กล่าวไว้ว่า
“อุปนิสัยคนเยอรมันโดยพื้นฐานก็คือ พูดคำไหน คำนั้น และมีวิธีการคิดที่เป็นตรรกะ เป็นระเบียบแบบแผน เป็นขั้นตอน” ทำให้สรุปได้ว่า ความซื่อสัตย์ และตรงต่อเวลา คือกุญแจสำคัญของกลุ่มบริษัทบี.กริม และด้วยการที่ดำเนินธุรกิจทั้งของตนเองหรือร่วมกับผู้อื่นที่ได้ยึดหลักการเดียวกันนี้ ทำให้กิจการมีความน่าเชื่อถือ และสามารถรักษาพันธมิตรทางการค้าไว้ได้ยาวนานกับทั้งกลุ่มลูกค้า และบริษัทพันธมิตรซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้กิจการของบริษัท บี.กริม เจริญเติบโตมาได้ยาวนานกว่า 137 ปี
แม้จะประสบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจทางการเงินคือ ช่วงวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ที่บริษัทไม่มีเงินชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ จึงต้องขายบางทรัพย์สินบางบริษัทออกไป แต่บริษัทก็อยู่รอดมาได้ท่ามกลางวิกฤตนั้นก็เพราะว่ามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและพร้อมให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในทุกด้าน ดังนั้น พันธมิตร จึงเป็นสิ่งที่ ฮาราลด์ ลิ้งค์ ให้ความสำคัญมากไม่แพ้ ความซื่อสัตย์ และตรงต่อเวลา อันเป็นแนวความคิดที่เป็นอุดมการณ์ของธุรกิจครอบครัวที่ยึดถือกันมาโดยตลอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งแนวความคิดดังกล่าว ฮาราลด์ ลิ้งค์ เองก็ได้ปลูกฝังให้อยู่ในความคิดของลูกสาว แคโรรีน ลิ้งค์ ทายาทรุ่นที่ 4 ของบริษัทที่ ฮาราลด์ ลิ้งค์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถนำพาบริษัทบี กริม ให้เจริญรุดหน้า และยั่งยืนไปอีก 50 ปีข้างหน้าหรือตลอดไปพร้อม ๆ กับการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือสังคม และให้โอกาสในเรื่องการสร้างงานสร้างอาชีพ ตลอดจนอีกหลายร้อยโครงการที่ บี.กริม.ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นสิ่งที่ ฮาราลด์ ลิ้งค์ ปรารถนาเห็นในอนาคต
ซึ่งภาพรวมของกลุ่มบริษัทบี.กริม นั้นมีธุรกิจหลัก 6 ธุรกิจ ที่สร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าปีนี้รายได้รวมของกลุ่มบี.กริม.จะเพิ่มขึ้น 17.7 % หรือ 23,500 ล้านบาท จากการรุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านสุขภาพ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ จากทั้งหมด 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่ประกอบด้วย
- ธุรกิจด้านพลังงาน ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้า12 โรง ทั้งที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 500 เมกะวัตต์ มีลูกค้าในไทยกว่า 200 รายและเวียดนาม ตลอดจนมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2556 – 2562 โดยจะใช้เงินลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท และมีโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่ จ.ชุมพร
- ธุรกิจด้านคมนาคม เป็นผู้จัดหาระบบการควบคุม ตลอดจนการบริการของรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และสร้างเส้นทางเชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์
- ธุรกิจด้านเครื่องปรับอากาศ ได้ร่วมมือกับ Carrier ในการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ พร้อมทั้งเข้าไปลงทุนในพม่า
- ธุรกิจด้านสุขภาพ เป็นหุ้นส่วนหลายองค์กร ที่จัดหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ป้อนสู่ตลาด พร้อมทั้งรุกตลาดเลนส์แว่นตาต่อไป เพื่อสร้างการรับรู้สินค้าและขยายฐานลูกค้าในไทย
- ธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ภายใต้แบรนด์ Burberry L’OCCITANE หรือ La Perla เป็นต้น
- ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีอาคาร อัลมา ลิ้งค์ ที่ย่านชิดลม และ บางอาคารที่ต้องชะลอการลงทุนออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย