เคยสงสัยกันไหมว่า พอพูดถึงคำว่ามนุษย์เงินเดือนแล้ว มันมักมาแฝงกับความรู้สึกเศร้านิด ๆ เจืออยู่เสมอ ดูเหมือนว่าการรับรู้ของคนวัยทำงานโดยทั่ว ๆ ไปจะค่อนข้างมองคำนี้เป็นคำที่มีความหมายในแง่ลบ เพราะคำพูดคำแนะนำของเหล่าบรรดากูรูการเงิน (ผู้ร่ำรวย) ทั้งหลายมักใส่ความอัปยศให้กับคำว่ามนุษย์เงินเดือนเสียจนมันดูแย่ไปเสียทั้งหมด
ทุกอย่างมีความหมายในที่ของมัน การที่กูรูเหล่านั้นที่ออกมาพูด ก็พูดถูกในที่ของเขา ประเด็น คือ เราเป็นมนุษย์เงินเดือนในแบบที่เขาพูดกันหรือไม่ หมายความว่า การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด หากเข้าใจวิถีของการเงิน รวมถึงวิถีของตัวเราเองด้วย การมองเพียงผิวเผินกับคำพูดที่คนอื่น ๆ พูดถึงในแง่ลบ อาจไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงที่คนเหล่านั้นพยายามพูดถึง อาจทำให้ตัวเรารู้สึกท้อถอย หมดกำลังใจ และสิ้นหวังได้ ถ้าคิดพิจารณาแล้วเราเป็นบุคคลประเภทที่ถูกกล่าวถึงจริง ๆ ก็ต้องถือคำเหล่านั้นเป็นคำสอนคำแนะนำ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกังวล เพราะในหลาย ๆ Scenario แล้ว การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นปลอดภัยและดีกว่าการเป็น Self-Employ กว่าที่ไหน ๆ ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเราจะมีการทำงานแบบไหน เราต้องรู้จักประเมินตัวเอง และประเมินสิ่งที่ทำให้ชัดเจนก่อนว่างานที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีกว่าอย่างอื่นหรือไม่ มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่มากน้อยเพียงใด การทำงานนั้น ๆ สร้างความมั่นคงในชีวิตและครอบครัวของเราได้หรือไม่ ตอบโจทย์ตามแผนการเงินของเราได้หรือยัง รวมถึงไปได้ดีกับวิถีชีวิตคุณได้หรือไม่ หากการเป็นมนุษย์เงินเดือนของเรา ตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมดแล้ว ก็ย่อมบอกได้ว่าเราอาจจะเหมาะกับจุดที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ที่เหลือก็แค่ดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อการเจริญเติบโตในสิ่งที่ทำ ก็อาจจะพอแล้ว
นอกเสียจากว่าเรามีความฝันบางอย่างที่อยากจะเป็น แล้วสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ทำให้ความฝันใกล้เคียงความเป็นจริงได้ หลายคนที่มีความมั่นคงในหน้าที่การงานและการเงินอยู่แล้ว อาจเลือกที่จะทิ้งความฝันส่วนตัว เพื่อสานฝันให้ครอบครัวและลูกน้อยมากกว่า แต่บางคนอาจเลือกที่จะล่าความฝัน หลายคนอยากลองที่จะพยายามสักครั้ง ซึ่งทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบว่าเราพร้อมแค่ไหนหากฝันนั้นทำเราเจ็บ เราจะทนเจ็บได้นานแค่ไหน ถ้าฝันสลายแล้วจะยังรอดอยู่อีกไหม เป็นต้น
การทำงานเป็น มนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ นั้น หากพื้นฐานของเราการจากการวางแผนทางการเงินที่รอบคอบแล้ว เราย่อมมีสิทธ์ทำอย่างอื่นได้อีกตั้งมากมาย งานบางงานอาจไม่เอื้ออำนวยเวลาให้เราได้ทำสิ่งอื่น แต่งานหลายงาน เมื่อทำการจัดสรรเวลาดี ๆ แล้ว เราจะพบว่า เพียงเรามีวินัยในเรื่องการใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพียง 20% เราก็สามารถสร้างงานให้กับตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว …แล้วถ้าเรามีวินัยเรื่องเวลาและตารางชีวิตเพิ่มขึ้นสัก 50% ล่ะ ถ้าทำได้ถูกทางเข้าที่ดีแล้วอาจสร้างรายได้ไม่เพียงแค่รายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่อาจทำให้เราต้องลาออกจากงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนเลยก็เป็นได้
กฏทองของการหารายได้เสริม คือ
1. เริ่มทำทันที อย่ารีรอ และอย่ากลัว
2. ต้องทำอย่างตั้งใจ ไม่ล้มเลิกกลางคัน
เมื่อมั่นใจว่าเราไม่ลืมกฏสองข้อนี้แน่ ๆ ก็เริ่มหาข้อมูลในสิ่งที่คิดจะทำ โดยกำหนดจุดประสงค์ไว้ในใจคร่าว ๆ แล้วก็เริ่มทำทันที อย่ากังวลกลัวปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น ปัญหาจะเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่ปัญหามีไว้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้กังวล การคิดมองเห็นถึงปัญหาที่ยังไม่เกิดเป็นสิ่งที่ดี เพราะนั่นหมายความว่าเราจะเตรียมทางแก้ไว้แล้วในใจ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ทันที และนี่เป็นทัศนคติที่เราทุกคนควรจะมอง เมื่อมองเห็นปัญหานั่นเอง
ส่วนที่สอง คือ ความตั้งใจจริง ไม่เลิกง่าย ๆ ความตั้งใจที่จะเริ่มต้นอะไรสักอย่างให้กับชีวิตนั้น เป็นแรงผลักดันให้การทำงานของเรามีการพัฒนาก้าวหน้าไปข้างหน้า เพราะความตั้งใจทำให้เรามีการปรับปรุงพัฒนาสินค้าและบริการได้ดีขึ้น นั่นเพราะเกิดจากการสังเกต หากเคยไม่เที่ยวตลาดนัด ลองสังเกตแล้วเราก็จะรู้ว่าพ่อค้าแม่ค้าหลาย ๆ ราย ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพ เพราะนอกจากมีความไม่ “โปร” ในสีหน้าและแววตา รวมถึงการตอบคำถามที่ดูจะไม่ทันเหลี่ยมคูของลูกค้าสักเท่าไหร่ หลายคนไม่รู้จักผ่อนเชือกดึงเชือก การขายการคุยกับลูกค้าถือเป็นศิลปะที่ผู้ขายจะต้องเรียนรู้กันเลยทีเดียว การขายนั้นเปรียบเสมือนการเย่อกับปลา ต้องมีผ่อนหนักผ่อนเบา มีหยอดมีชง มีแกล้งโง่ และบางทีก็ต้องพูดจาให้ดูเป็นผู้รู้ เพื่อที่ลูกค้าจะได้มีความมั่นใจ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : อาชีพเสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือน ไม่กระทบงานประจำ
การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนในยุคปัจจุบันนั้น เอื้อโอกาสให้ได้มีอาชีพเสริมเพราะการซื้อขายออนไลน์มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การเริ่มต้นธุรกิจจึงมีกำแพงกั้นลดลง เราสามารถเริ่มได้เลย การเริ่มอย่างฉลาดเป็นสิ่งที่ควรทำ อย่าลืมว่ามีคนที่คิดแบบเราอีกมาก เราต้องคิดและเริ่มอย่างแตกต่าง จึงจะมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าผู้อื่น เมื่อเริ่มอย่างฉลาดแล้ว ก็ต้องทำอย่างฉลาดด้วย การสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงคำถามที่ถามบ่อย ๆ ก็สามารถนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้ดีขึ้นได้ การติดตามลูกค้าและจดบันทึกลูกค้าที่กลับมาซื้อใหม่ ถือเป็นความสำเร็จและเป็นสิ่งการันตีเบื้องต้นแล้วว่า โมเดลธุรกิจที่คุณเพิ่งทำมันนั้น สอบผ่านในระดับที่ใช้ได้เลยทีเดียว เมื่อเห็นแล้วว่ามันไม่ได้ยากอะไรนักหนา ก็จงเป็นมนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่ ที่มีแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น สร้างความมั่นคงและอาจสร้างความมั่งคั่งให้กับเราอีกช่องทางหนึ่งด้วยเลย…ย่อมจะดีไม่น้อย