ทุกวันนี้ใครเป็นทุกข์เพราะเงินกันบ้าง แอบบอกเบาๆหลังไมค์กันมาได้นะ แต่เชื่อว่าต้องมีคนที่ทุกข์เพราะเงิน ทุกข์เพราะเงินไม่พอใช้ ทุกข์เพราะสิ้นเดือนจ่ายบิลแต่ละอย่างเงินแทบหมดกระเป๋า ทุกข์เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรให้มีเงินพอใจได้ตลอดไป คงไม่ต้องถามหาต้นตอกันว่าใช้เงินอย่างไรถึงเป็นทุกข์ แต่มาหาวิธีใช้เงินอย่างมีความสุขกันดีกว่า ความสุขที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงการใช้เงินซื้อ หรือต้องไปกินไปเที่ยว แต่สุขเพราะรู้จักใช้เงิน งงกันใช่ไหมหลายคนบอกว่า ฉันก็รู้จักใช้นะ แต่คงต้องถามกลับว่าใช้แบบไหนล่ะ
หลายคนมีความสุขกับการใช้เงิน สุขตอนควักเงินหรือควักบัตรเครดิตมารูด แต่พอถึงสิ้นเดือนหน้าบานๆเท่าจานหดเหลือเท่ารูเข็มเพราะต้องชำระค่าบัตรเครดิตชนิดเงินเดือนแทบหมด แบบนี้เรียกว่าไม่สุขแล้ว การใช้เงินอย่างมีความสุขและรู้จักใช้อย่างไม่มีทุกข์นั้น ก่อนอื่นต้องรู้จักรายได้ตัวเองก่อน ต้องรู้ว่าแต่ละเดือนมีรายได้เท่าไหร่หลังจากหักรายการต่างๆแล้วเหลือเข้าบัญชีเท่าไหร่ เมื่อรู้จักรายได้แล้ว ก็ต้องรู้จักรายจ่าย ต้องรู้ว่ารายจ่ายอันไหนสำคัญทีสุด เราต้องจ่ายอันนั้นก่อนอันไหนสำคัญรองลงมาก็เรียงลำดับกันไว้ แต่ต้องเป็นรายจ่ายตามความจริงรายจ่ายที่ต้องจ่ายไม่ใช่รายจ่ายตามความพอใจ ซึ่งเรื่องนี้นั้นเคยเขียนการบริหารรายรับรายจ่ายกันไปแล้วลองไปย้อนอ่านกันดู
อ่านเพิ่มเติม >> สาเหตุที่ทำให้คนไทยหลายคน เป็นหนี้สิน <<
เมื่อรู้จักรายรับรายจ่ายและส่วนที่ออมแล้วนำมาหักลบกันแล้วเงินที่เหลือที่สามารถใช้ได้มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น ย้ำว่าให้ทำใจใช้เท่าที่มี บังคับตัวเองให้ใช้เท่านี้ และคงมีคนแย้งว่ามันเหลือไม่พอใช้จะทำอย่างไร ใจเย็นๆกันก่อน สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดบริหารการเงิน และยังมีหนี้สินพัวพันอยู่ หักดิบเลยคงทำไม่ได้แต่ค่อยเริ่มทำได้ โดยเริ่มการหักดิบเบาๆจากจุดนี้คือ นำเงินที่เหลือจากข้างบน มาหารเฉลี่ยกับค่าครองชีพประจำวันที่ใช้วันละเท่าไหร่ หารแล้วใช้ได้กี่วัน ก็ใช้เท่านั้น เมื่อเงินใกล้หมดจะหาเงินจากไหนนี่คือคำถาม เงินออมที่ออมไว้นำออกมาใช้เพื่อยังชีพให้อยู่ได้ทั้งเดือนก่อนโดยขาดเหลือเท่าไหร่ก็นำออกมาใช้เท่านั้น
แต่หากใครไม่มีเงินเก็บ แต่มีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ให้คำนวณว่าจำนวนวันที่เหลือจนกว่าจะสิ้นเดือนต้องใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่ให้กดออกมาใช้เท่านั้น ที่สำคัญบังคับตัวเองให้ได้ใช้เท่าที่มี หากวันไหนเหลือให้นำมาเก็บสะสมไว้สำหรับวันต่อไป พูดง่ายๆคือทำตัวเหมือนขอเงินพ่อแม่ไปเรียนนั่นล่ะ ตอนนั้นมีเท่าไหร่ก็ใช้กันพอแถมบางวันเหลืออีกต่างหาก ไม่ต้องแย้งนะว่าตอนนั้นยังเด็ก แต่ความจริงเรื่องการใช้เงินมันไม่ต่างกันเลย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร มันมีหลักๆอยู่แค่นี้เท่านั้น ลองคิดดูว่าจริงไหม
อะไรที่ไม่จำเป็นหยุดซื้อไปก่อนไม่ต้องซื้อตามใจตัวเอง หรือซื้อเพราะเพื่อนซื้อ หยุดการช้อปปิ้งสิ่งที่เรามีแล้ว สิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเรา หรือ เลือกซื้อในราคาถูกกว่าที่เราเคยซื้อ บัตรเครดิตไม่จำเป็นไม่ต้องควัก
แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เช่น ต้องไปทานเลี้ยงกับเพื่อนหากเงินสดไม่พอจ่ายก็ใช้บัตรจ่ายไป แต่จำไว้ว่าควรลดการสังสรรค์ที่ไม่จำเป็นลงด้วย พอถึงสิ้นเดือนสิ่งที่เห็นได้ชัดจากการเริ่มหักดิบ ทั้งเรื่องการกดเงินจากบัตรเงินสดอย่างพร่ำเพรื่อ การรูดบัตรเครดิตแบบไม่คิด สิ่งเหล่านี้ยอดหนี้ที่มีจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดหากเราไม่ใช้มันบ่อยๆ และเมื่อยอดหนี้ลดลงภาระจ่ายต่อเดือนเราจะลดลงด้วยเพราะส่วนใหญ่จะจ่ายยอดขั้นต่ำ แน่นอนว่าต้นลดดอกก็ลด ยอดจ่ายขั้นต่ำก็ลดลงเป็นเงาตามตัว และเมื่อเริ่มทำแบบนี้ในเดือนถัดไปเงินสดก็จะเหลือเยอะขึ้น ค่อยๆพยายามทำไปจนกว่าหนี้จะหมด หรือลดลงจนเงินสดเหลือพอใช้ทั้งเดือน ทีนี้จะรู้สึกเลยว่า การมีหนี้น้อยๆสบายแค่ไหน หรือไม่มีหนี้เลยมีความสุขแค่ไหน
บอกตรงๆว่าการหักดิบเลือกเสพติด การเป็นหนี้ มันก็เหมือนการลดความอ้วน ไม่ต้องให้ใครมาแนะนำไม่ต้องให้ใครมาสอนมาคอยบอกทุกอย่างใจล้วนๆ ตั้งใจทำก็จะทำได้
แต่วิธีที่กล่าวมานั้นก็สามารถปรับยืดหยุ่นและปรับให้เข้ากับการเงินของแต่ละคนได้ จำไว้ว่า ลด ละ เลิก การใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มันจะทำให้มีเงินเหลือมากขึ้น แล้วความสุขก็จะมาหาเพราะมีเงินพอใช้จ่ายทั้งเดือน จ่ายหนี้ต่างๆได้ครบ จ่ายภาระจำเป็นต่างได้ มีเงินกินทั้งเดือน ไม่ต้องเครียดนั่งคิดว่าพรุ่งนี้จะหาเงินที่ไหนไปทำงาน ลองปรับให้เข้ากับตัวเองกันดูรับรองว่าทุกคนทำได้แน่นอน