คำว่า เป็นหนี้ เป็นคำที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกไม่เป็นไท รู้สึกมีอะไรติดค้างอยู่ข้างในใจ ความจริง การเป็นหนี้นั้น ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์ หนี้บางชนิดก่อให้เกิดรายได้ในอนาคตตามมา เช่น การที่เราเป็นหนี้เพื่อสร้างธุรกิจ แล้วธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จ ได้ผลตอบแทนคืนมาจนสามารถใช้หนี้ได้หมด จากนั้นก็สร้างแต่ผลกำไร แต่หนี้ที่จะพูดถึงในที่นี้ เป็นหนี้ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เป็นหนี้ที่ไม่สร้างผลตอบแทนในอนาคต หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่เป็นหนี้ที่ตามใจตัวเอง
ตัวอย่างของหนี้ที่เกิดจากการตามใจตัวเอง เช่น การซื้อของเงินผ่อนต่างๆ ที่นิยมกันมากก็คือ รถยนต์ มอเตอร์ไซด์ โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค หรือแม้แต่บ้าน ก็ถือเป็นสิ่งของที่อยากได้อยากมีเพราะการตามใจตัวเอง ลองมาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียของการเป็นดู ว่าคุ้มหรือไม่
ยกตัวอย่าง ของชิ้นเล็กๆ ราคาไม่แพงมาก อย่างโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่ง ราคาประมาณ 25000 บาท ในกรณีที่คนซื้อไม่มีตังส์ หรือเงินไม่พอ ต้องใช้วิธีผ่อนชำระ จะผ่อนด้วยระบบวิธีใดก็ตาม สิ่งที่ได้มาคือ โทรศัพท์ 1 เครื่อง ให้ประโยชน์เรื่องการติดต่อสื่อสาร และความบันเทิงต่าง สิ่งที่ต้องเสียไปคือ เงินค่าโทรศัพท์ เงินค่าดอกเบี้ย สิ่งที่ต้องเสียอีกอย่างหนึ่งคือ ความรู้สึกในการเป็นหนี้ คือความไม่เป็นไท มีภาระรายจ่ายรออยู่ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า เรารู้สึกดีใจ เป็นสุขใจกับโทรศัพท์ที่ได้มา มีความเข้มข้นของความรู้สึกเป็นสุขใจ สูงมากในตอนต้น จากนั้นระดับความสุขใจจะลดลงเรื่อยๆ หรือที่เรียกว่า หายเห่อแล้วนั่นเอง ระยะเวลากว่าจะหายเห่ออาจอยู่ที่ 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือนแล้วแต่คน แต่ภาระในการผ่อนจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ บางครั้งเป็นปี หรือสองปี นั่นคือใช้มือถือจนเบื่อแล้ว ยังผ่อนจ่ายค่ามือถือไม่หมดเลย ในระยะเวลาหนึ่งปีหรือสองปี หากเราเปลี่ยนจากค่าผ่อนมือถือ มาเป็นการออมเงินเดือนละ 1000 บาท ผ่านไป 1 ปี เรามีเงินเก็บตั้ง 10000 บาท การมีเงินเก็บ 10000 บาทนั้น นอกจากได้เป็นเงินก้อนแล้ว ยังได้ความรู้สึกที่ดี ที่มีเงินเก็บ และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เราเก็บเงินก้อนที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต
โทรศัพท์มือถือเป็นเพียงตัวอย่างของหนี้ก้อนเล็กๆ ความทุกข์ใจจากการเป็นหนี้อาจไม่ได้มาก และภาระผูกพันในการชำระหนี้นั้นอยู่ในช่วงสั้นๆ แต่ถ้าเป็นข้าวของชิ้นใหญ่ขึ้น ราคาแพงขึ้น แน่นอนว่า ค่างวดในการผ่อนชำระแต่ละเดือนนั้นดูจะเป็นเรื่องใหญ่ หรือเป็นรายจ่ายหลักของคนบางคน เงินที่หามาได้จะหมดไปกับค่าผ่อนสินค้าและค่าดอกเบี้ย ทำให้ไม่มีเงินเหลือให้กับการดำเนินชีวิตที่รื่นรมย์ แบบว่าไม่มีเวลามานั่งชิลๆ หาเงินมาจ่ายแบบเดือนชนเดือน ถ้าในระยะสั้นๆ คงพอทน แต่ถ้าต้องเป็นอยู่แบบนี้ในระยะยาว ย่อมเกิดความเครียดสะสม ส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว เมื่อสุขภาพจิตไม่ดี ก็จะส่งผลต่อสุขภาพกายในที่สุด
หากคิดดีๆจะพบว่า สิ่งของที่เราได้มา ทำให้มีความสุขในระยะสั้น แต่เกิดเป็นความทุกข์ในระยะยาว ทุกคนย่อมรู้ดีแก่ใจว่าอะไรจำเป็น หรือไม่จำเป็น ความอยากได้อยากมีนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เราอยากได้ คนอื่นก็อยากได้ เพียงแต่ว่า คนอื่นๆก็รู้เท่าๆกับเราว่า อะไรจำเป็น อะไรที่ยังใช้ของเดิมได้ อะไรที่ยืดเวลาการซื้อหาออกไปก่อนได้ แต่ต่างกันที่ บางคนรู้แล้วหักห้ามใจได้ บางคนรู้ว่าไม่จำเป็น แต่ก็เอาชนะความอยากไม่ได้
สรุปได้ว่า การเป็นหนี้นั้น เกิดจากการที่เราทำตัวเราเองทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครบังคับให้เราไปซื้อข้าวของต่างๆนาๆ เพียงแต่นักการตลาดมักจะหาประโยชน์จากจุดอ่อนของมนุษย์ในเรื่องกิเลส ความอยากต่างๆ ด้วยการสร้างสิ้งเร้า สิ่งยั่วยวนต่างๆ จนคนอดใจไม่ไหว สุดท้ายต้องหาทางในการเป็นเจ้าของและครอบครองจนได้ แม้จะได้มาในสภาพที่ตัวเองไม่พร้อมก็ตาม หรือแลกด้วยการเป็นหนี้ก็ตาม คนเรามักจะมองอะไรสั้นๆ ไม่คำนึงผลได้ผลเสียในระยะยาว การอยากได้อยากมีทั้งๆที่ตัวเองไม่พร้อม ในท้ายที่สุด ภาระทางการเงินต่างๆจะกลับมาทำร้ายตัวเราเองทั้งร่ายกายและจิตใจ ดังนั้นต้องรู้จักประมาณตนเอง ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง มีวินัย ไม่ทำอะไรตามใจ อะไรที่รอได้ก็รอไปก่อน คนเราวาสนาไม่เหมือนกัน อย่าเอาชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับชีวิตคนอื่น ชีวิตที่ไม่เป็นหนี้ เป็นชีวิตที่ประเสริฐ และเปิดโอกาสดีๆในอนาคตให้กับเรามากมาย