หลายคนคงมีนัดเพื่อน พ่อแม่ ญาติพี่น้องกินข้าวใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือมี party งานเลี้ยงบริษัท และจำเป็นต้องไปกินเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ แน่ว่าบางมื้อก็กินฟรี บางมื้อเราก็ต้องจ่าย แต่ที่แน่ ๆ ทุกมื้อนั้นเราน้ำหนักขึ้นแน่นอน ถ้าไม่กินอย่างถูกวิธี อย่าถือว่ากินฟรีแล้วเราจะเขมือบของเข้าปากมากเท่าไหร่ก็ได้ เพราะหารู้ไม่ว่าโรคอ้วนจะถามหาเอา ทั้งน้ำหนักขึ้น เบาหวาน ความดัน ถ้ากินอาหารไม่ถูกวิธี การกินมากเกินไปเพราะเห็นแก่กินไม่ดีแน่นอน
ผู้เขียนเองก็พยายามลดน้ำหนัก สิ่งที่พอจะทำได้คือ ลดของทอด ของมัน ของเค็ม ลดแป้ง เน้นผัก เน้นโปรตีนเอา ยกเว้นบางมือก็ขอกินบ้างพอเป็นพิธีสำหรับของหวาน ถ้าเจอร้านที่มีสลัดสะอาดก็พยายามสั่งกินไม่สั่งข้าวมาให้หนักท้อง
นพ.ฆนัท ครุฑกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจหลอดเลือด และเมแทบอลิซึม และกรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นช่วงที่มีงานเลี้ยงฉลอง มักเลือกใช้อาหารที่ให้พลังงานสูง มีส่วนประกอบของแป้ง น้ำตาล และไขมันเป็นหลัก หากบริโภคมากเกินไปและไม่มีการออกกำลังกาย จะทำให้เกิดโรคอ้วนตามมาได้ ปัจจุบันประมาณการณ์ว่า มีประชากรไทยจำนวน 10.2 ล้านคน หรือ 35% ของจำนวนประชาชนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป กำลังเผชิญปัญหาโรคอ้วน (www2.thaiheath.or.th)
นพ.ฆนัท กล่าวว่า ตัวอย่างอาหารที่มักนำมาจัดเลี้ยงในช่วงเทศกาล และเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง ได้แก่
-
พิซซ่า 1 ชิ้น (236 กรัม) ให้พลังงาน553 กิโลแคลอรี่
-
โดนัท (บัตเตอร์นัท) 1 ชิ้น ให้พลังงาน 384 กิโลแคลอรี่
-
ไก่ทอด เนื้อสะโพก 1 ชิ้น (107 กรัม) ให้พลังงาน 380 กิโลแคลอรี่
-
มันฝรั่งทอด ขนาดกลาง ให้พลังงาน 360 กิโลแคลอรี่
-
ไอศครีม 1 ถ้วย ให้พลังงาน 300 กิโลแคลอรี่
-
บราวนี่ ชีสเค้ก บัตเตอร์เค้ก เค้กช็อกโกแลต1 ชิ้น ให้พลังงาน 280 กิโลแคลอรี่
-
คุกกี้เนย 3 ชิ้น ให้พลังงาน 240 กิโลแคลอรี่
-
บัวลอยเผือก 1 ถ้วย ให้พลังงาน 230 กิโลแคลอรี่
-
กาแฟ ไมโลเย็น 1 แก้ว ให้พลังงาน 200 กิโลแคลอรี่
-
ปอเปี้ยทอด 3 ชิ้น ให้พลังงาน 188 กิโลแคลอรี่
ทั้งนี้ปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน ขึ้นอยู่ที่อายุ น้ำหนักตัว แต่หากทานอาหารประเภทดังกล่าวจำนวนมาก ก็มีโอกาสจะได้รับพลังงานเกินและเป็นสาเหตุของโรคอ้วนตามมา
นพ.ฆนัท กล่าวว่า การเลือกทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการจะช่วยป้องกันน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้นซึ่งมีหลักง่ายๆ คือ
1.ไม่ควรอดอาหารหรือปล่อยให้ท้องว่างก่อนถึงงานเลี้ยงเพราะทำให้กินมากกว่าปกติ
2.พิจารณาอาหารในงานเลี้ยง และเลือกทานอาหารที่เหมาะสม
3.เน้นอาหารประเภทโปรตีนเป็นหลัก เช่นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ช่วยให้อ้วนน้อยกว่าอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และทำให้อิ่มนานขึ้น
4.เลือกอาหารพลังงานต่ำ เช่น อาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่างยำ 5. เลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งเป็นส่วนประกอบสูง ทานผลไม้หวานน้อยๆ แทน 6. ดื่มน้ำเปล่า แทนน้ำอัดลม หรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังต้องหาเวลาออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานไม่ให้สะสมกลายเป็นไขมัน โดยเดินเร็ว 30 นาที หรือปั่นจักรยาน 40 นาที จะเผาผลาญพลังงานได้ 150 กิโลแคลอรี่
คาดว่าคำแนะนำจากคุณหมอน่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนน้ำหนักไม่เกินในช่วงเทศกาลแบบนี้ นอกจากนี้พยายามงดไปกินอาหารประเภทบุฟเฟต์ เพราะทำให้เรายัดของกินเข้าปากอย่างห้ามไม่ได้ เพราะตัวอย่างเช่นบุฟเฟต์ที่โรงแรมมีราคาแพงแม้จะลดราคาแล้วก็ตาม ทำให้เราเกิดอาการเสียดายเงิน เราจึงจำเป็นต้องกินอาหารให้ได้มากที่สุด ซึ่งความจริงแล้วเป็นอะไรที่เสียสุขภาพมาก เพราะทำให้ท้องอืดแล้วยังต้องเสียเงินซื้อยาแก้ท้องอืด (อย่างเช่นอีโน) มากินให้เสียเงินเพิ่มอีกด้วย
ดังนั้นเราจึงควรกินแต่พออิ่ม อย่ายัด เพราะอาการท้องอืดจากการกินอาหารมากเกินไปสร้างความทุกให้เรามากกว่าความสุข ช่วงปีใหม่เราจึงควรหาความสุขใส่ตัวมากกว่าการกินยาแก้ท้องอืดเป็นแน่