สาเหตุในการส่งลูกไปเนอสเซอรี่ (โรงเรียนเตรียมก่อนอนุบาล) นั้นมีมากมาย ซึ่งแต่ละบ้านย่อมมีไม่เหมือนกัน การเริ่มเข้าเรียนอนุบาล 1 จะเริ่มต้นเมื่อลูกอายุ 3 ขวบ แต่ก่อนถึงวัย 3 ขวบหลาย ๆ บ้านจำเป็นต้องส่งเด็กเข้าโรงเรียนเตรียมก่อนอนุบาล (เนอสเซอรี่) คำตอบว่าเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละครอบครัว ซึ่งไม่เหมือนกัน บางครอบครัวอาจจะมีคนช่วยเลี้ยงลูกเป็นปู่ย่าตายายหรือญาติ ๆ ในกรณีอาจจะไม่จำเป็น แต่ถ้าไม่มีคนช่วยดูแลทุกคนต้องออกไปปั๊มเงินนอกบ้านก็จำเป็นต้องส่งไป
โดยส่วนใหญ่เนอสเซอรี่จะมีทั้งให้เริ่มเข้าได้ตั้งแต่ 3 เดือน เป็นต้นไป หรือ ตั้งแต่ 1 ขวบเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละที่ที่จะมีคุณครูหรือผู้ช่วยมาช่วยดูแลเด็ก ก่อนอื่นควรพาคนในครอบครัวและตัวเด็กไปดูสถานที่จริง (Survey) โดยอาจจะดูหลาย ๆ ที่ นำมาเปรียบเทียบกัน ดูสภาพความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ ร่วมพูดคุยกับคุณครูหรือผู้ช่วย โดยส่วนใหญ่ราคามาตรฐานจะอยู่ที่เดือนละ 9,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะมีสัญญา 1 เดือน และมีค่าแรกเข้าเพิ่มอีก 5,000 บาทกรณีเป็นนักเรียนใหม่ ถ้ารับฝากรายวันจะอยู่ที่ประมาณ 600 บาทต่อเดือน มีอาหาร 1 มื้อ ช่วงกลางวัน โดยมักจะให้เด็กมาตอนเช้าตั้งแต่ 7.00 น. และทำกิจกรรมร่วมกัน โดยอาจจะให้เด็ก ๆ จับกลุ่มกันร้องเพลง ระบายสี เล่นแป้งโดว์ฝึกกล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อมัดเล็กให้แข็งแรง เดินออกกำลัง รดน้ำต้นไม้ หลังจากนั้นให้รับประทานอาหารกลางวัน นอนกลางวัน เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ตามที่คุณครูจัดมา และกลับบ้านเวลาไม่เกิน 16.00 น. (กรณีมารับสาย 1 ชั่วโมง จะคิดชั่วโมงละ 50 บาท) ข้อมูลอ้างอิงจาก Wattana Church Nursery แต่ถ้าไปโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาอังกฤษล้วนราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นโดยประมาณเป็น 50,000 บาทขึ้นไปต่อเทอม
ก่อนที่จะพาลูกเข้าเนอสเซอรี่อยากให้ตอบคำถามตัวเองคร่าว ๆ ดังนี้
-
คนในครอบครัวมีความเห็นตรงกันหรือไม่ อย่างไรบ้าง
เพื่อที่จะไม่ต้องทะเลาะกันทีหลัง ควรให้ทุกคนมีความเห็นตรงกันถ้าไม่ตรงกันควรหาตรงกลางที่ทุกคนยอมรับความแตกต่างกันให้ได้
-
ต้องยอมรับว่าลูกของเราต้องเผชิญกับโรคติดต่อต่าง ๆ
อาทิเช่น โรคหวัด โรคมือปากเท้าเปื่อย โรคอีสุกอีใส เป็นต้น ดังนั้นก่อนพาไปควรต้องเตรียมพร้อมเรื่องวัคซีน หรือ ควรทำประกันสุขภาพเด็กให้เรียบร้อย เพื่อรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
-
คุณภาพของโรงเรียนดีหรือไม่ มีมาตรการทำความสะอาดที่ดีเพียงพอหรือไม่
เมื่อไปดูโรงเรียนสถานที่จริงแล้ว ควรสอบถามเรื่องมาตรการทำความสะอาดด้วย เพราะสำคัญมาก ถ้ามีวิธีหรือการทำความสะอาดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคระบาดให้กับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
-
ระยะทางระหว่างบ้านกับโรงเรียนห่างกันมากหรือไม่
เนื่องจากระยะทางระหว่างโรงเรียนกับบ้านเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อลูกของเรา ถ้าไกลมากหรือจะต้องฝ่ารถติดไปไม่ดีต่อสุขภาพจิตของทั้งเราและเด็ก ควรเลือกโรงเรียนใกล้บ้านเดินทางสะดวก ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ ไม่เหนื่อยอีกด้วย เพราะต้องเดินทางทุกวัน
-
ตารางการเรียนการสอนเหมาะสมกับลูกเราหรือไม่
ก่อนที่จะสมัครเรียนควรสอบถามคุณครูผู้สอนว่ามีการเรียนการสอนเบื้องต้นอย่างไรบ้าง มีอาจารย์ผู้สอนกี่คนต่อจำนวนนักเรียน และแยกห้องเด็กเล็กกับเด็กโตหรือเปล่าจะได้ไม่เกิดการตีกัน โดยส่วนใหญ่นักเรียนเนอสเซอรี่จะอยู่ในวัย 1 – 3 ขวบ เมื่อเข้าถึงวัย 2 ขวบเด็กจะรู้เรื่องมากขึ้น แต่ถ้าวัย 1 ขวบอาจจะต้องให้คุณครูประกวบตัวนักเรียนตัวต่อตัว ต้องป้อนข้าวให้ด้วยเพราะยังจับช้อนเข้าปากเองไม่เป็น อีกอย่างรุ่นพี่อาจจะเล่นรุนแรงกว่ารุ่นน้องจึงจำเป็นต้องแยกกันเพื่อความปลอดภัย
เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนคงไม่อยากส่งลูกให้ไปโรงเรียนก่อน 3 ขวบ แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องส่งไป ในทางกลับกันการส่งลูกไปแต่เล็กอาจจะมีข้อดีในแง่ทำให้ลูกได้สังคมและรู้จักปรับตัวเมื่ออยู่กับผู้อื่นและรู้จักเล่นกับคนอื่นเป็น แต่ในทางทฤษฎีแล้ว เด็ก ๆ ควรอยู่ที่บ้าน เล่น หรือเข้าร่วม class กิจกรรมต่าง ๆ กับโรงเรียนสอนกิจกรรมพิเศษ เพื่อเสริมพัฒนาการการใช้มือ การมอง ตามที่เพจของนายแพทย์ ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ได้กล่าวว่าเด็กไม่ควรไปโรงเรียนก่อน 7 ขวบ แต่ด้วยการศึกษาของไทย ทำให้จำเป็นต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
หลังจากที่เขากลับมาบ้าน เราควรที่จะกอดหอมให้ความรักกับเขาเต็มที่เพื่อให้ทดแทนเวลาที่หายไป กอดเขาแน่น ๆ ให้หัวใจของเราและลูกชนกัน ให้เขาได้รับรู้ถึงความรักที่เราให้กับเขา แม้ว่าเราจะไม่สามารถเลี้ยงเขาได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้เขียน: