น้ำมัน เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทุก ๆ ธุรกิจที่มีอยู่ในโลกนี้เลยก็ว่าได้ เพราะทุกธุรกิจต้องมีการพึ่งพิงการใช้น้ำมัน เพราะถึงแม้ว่าธุรกิจของเราเป็นสินค้าที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่การขนส่งสินค้าในปัจจุบันนั้นล้วนแล้วแต่จะต้องใช้น้ำมันทั้งนั้น ดังนั้นน้ำมันคือต้นทุนอย่างหนึ่งของธุรกิจของทุก ๆ คน ซึ่งแหล่งน้ำมันดิบใหญ่ ๆ และสำคัญที่มีอยู่ในโลกของเรา คือ บ่อน้ำมันชื่อ Ghawar ที่ซาอุดิอาระเบีย บ่อน้ำมัน Burgan ที่คูเวต บ่อน้ำมัน Safaniya ในซาอุ และ บ่อน้ำมัน Rumaila ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิรัก เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งหลัก ๆ ของโลกเราในการขุดเจาะน้ำมันดิบมาให้เรา ๆ ใช้กัน
ซึ่งราคาน้ำมันดิบเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเช่นกัน คือ เมื่อเศรษฐกิจดีปริมาณการใช้น้ำมันก็ย่อมมากตามไปด้วย หรือเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีราคาน้ำมันก็ย่อมปรับลดต่ำลงไป ซึ่งในปัจจุบันราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงมาอย่างมาก และรวดเร็วมาก ๆ จนทำให้กลุ่มประเทศ OPEC ต้องออกมาตรการต่าง ๆ มารองรับ เช่น การลดปริมาณการผลิตลง เพื่อให้ Demand ไม่มากเกิน Supply จนเกินไปนัก ซึ่งทำให้ชะลอการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบได้ แล้วมีปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวต่ำลงได้ขนาดนี้
-
การเกิดใหม่ของพลังงานทางเลือก
พลังงานทางเลือกเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันดับ และยิ่งประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองที่สามารถขุดเจาะนำน้ำมันหินดินดาน Shale gas ซึ่งมีราคาถูกกว่าราคาน้ำมันดิบขึ้นมาใช้ได้นั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบนั้นลดลงทันที เพราะตอบสนองต่อ Shale Gas ที่ได้เกิดขึ้น แน่นอนทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดิบของอเมริกาที่เป็นประเทศมหาอำนาจลดลง เพราะหันไปใช้ Shale Gas ที่มีราคาถูกกว่า ทำให้ราคาน้ำมันดิบต้องปรับตัวลงเพื่อต่อสู้ด้าน Pricing กับ Shale Gas ทำให้คนหันกลับมาใช้น้ำมันดับดังเดิม เพราะราคาน้ำมันดิบลดต่ำลงจน Shale Gas ที่มีต้นทุนทางการผลิตสูงกว่าสู้ไม่ได้
-
แนวโน้มการใช้น้ำมันดิบของโลกที่ลดลง
เนื่องจากมีพลังงานทดแทนต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้า จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศ เริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น บางประเทศมีช่องจอดสำหรับชาร์จรถไฟฟ้าเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นพลังงานที่ประหยัดกว่าน้ำมัน และมีการคาดการว่าในอนาคตน้ำมันก็จะหมดไปแน่นอน กระแสการใช้พลังงานทดแทนจึงมาเร็วขึ้น เพราะความตระหนักถึงการหมดไปของน้ำมันดิบนั่นเอง
-
ปัจจัยอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก เช่น ว่ากันว่ามีการร่วมมือกันระหว่างประเทศรัสเซีย และประเทศเป็นมหาอำนาจในอนาคตซึ่งปัจจุบันครอบครองการผลิตแทบจะทุกบริษัทบนโลก เนื่องจากมีค่าแรงในการผลิตที่ถูกมาก นั่นก็คือ ประเทศจีน การร่วมมือกันของ 2 ประเทศ ที่ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มสั่นคลอน เลยส่งผลกระทบต่อทุก ๆ ภาคอุตสาหกรรมรวมถึงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบเช่นกัน ซึ่งแนวคิดเรื่องนี้ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ เพราะเห็นการจับมือกันทางธุรกิจ เรื่องการใช้ค่าเงินของรัสเซีย และจีน
มาถึงผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทย แน่นอนบริษัทที่ได้รับผลกระทบเป็นบริษัทแรก ๆ คือ ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันในประเทศไทย ที่เมื่อราคาน้ำมันดับโลกลดลง ก็ปรับราคาจำหน่ายน้ำมันลง และทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลงทันที และบริษัทน้ำมันนี้ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ส่งผลต่อสภาพตลาดหุ้นของประเทศไทยอย่างมากเช่นกัน ทำให้ราคาของหุ้นหลาย ๆ ตัวของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงรับข่าวราคาน้ำมันไปตาม ๆ กัน สำหรับใครที่ติดตามราคาหุ้นอยู่อย่างใกล้ชิดน่าจะทราบกันดี หรือตัวอย่างอีกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบก็คือธุรกิจภาคการขนส่ง หรือ Logistic นั่นเอง ที่ได้ใช้ต้นทุนทางด้านน้ำมันที่ถูกลง
สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับเรา ๆ สำหรับผู้บริโภค การปรับตัวของราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดโลก และส่งผลต่อราคาน้ำมันที่ถูกลงมาก ๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้นลดลงสำหรับใครที่มีรถส่วนตัวก็สามารถเติมน้ำมันใช้ได้ง่ายขึ้น เพราะ 100 บาท ได้น้ำมันที่มากขึ้นนั่นเอง แต่ ราคาน้ำมันลดต่ำ แบบนี้ ก็ส่งผลหลาย ๆ อย่างต่อสภาพเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลดีหรือร้ายนั้น ต้องจำแนกหรือเจาะเป็นกลุ่ม ๆ ไป
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในอนาคตนั้น มีการวิเคราะห์กันอย่างมากมาย นำทุกปัจจัยมาวิเคราะห์ มีข้อมูลจากหลาย ๆ บริษัท ที่มีการเผยแพร่กันออกมาในหลายแง่มุม ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองว่าใครจะวิเคราะห์ไปในแนวทางไหนบ้าง บางสื่อก็มีการวิเคราะห์ออกมาว่าราคาน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบันยังไม่ใช่จุดต่ำสุด ราคาจะตกต่ำลงไปกว่านี้ในอนาคต บางที่ก็วิเคราะห์ออกมาว่าราคาน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบันได้ตกลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว และจะเด้งกลับขึ้นไปในราคาที่สูงขึ้น หรือแพงขึ้นอีกพอสมควร แต่ราคาน้ำมันดิบจะไม่สามารถกลับไปทำราคาเท่าเดิมได้อีกแล้ว ซึ่งสิ่งพิสูจน์ว่าราคาน้ำมันเหล่านี้จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคตนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างต้นที่กล่าวไปแล้ว หรืออีกหลาย ๆ ปัจจัย แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าใครให้น้ำหนักกับปัจจัยไหนเป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นได้เพียงแค่การคาดเดาอนาคตเท่านั้น แต่อนาคตจะเป็นอย่างไร คงไม่มีใครสามารถบอกได้ 100%
ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องดำเนินธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับราคาของน้ำมันดิบ ก็ควรจะต้องจับตาดูแนวโน้มต่อไปเรื่อย ๆ อย่างใกล้ชิด เพราะไม่แน่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เพียงไม่นานราคาน้ำมันดิบยังราคาสูงอยู่เลย แต่ใช้ระยะเวลาแค่เพียงไม่นาน ราคาน้ำมันดิบกลับลดต่ำลงอย่างรวดเร็วจนบริษัทน้ำมันต่าง ๆ พากันกุมขมับกันเลยทีเดียว