จากการวิเคราะห์สภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นจากการวิเคราะห์ของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) มีแนวโน้มว่า ประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในอีกไม่เกิน 20-30 ปีข้างหน้า ดังนั้นการลงทุนที่น่าจะเหมาะสมกับสภาพสังคมในระยะยาวคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ
ปัจจุบันธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ในบ้านเรามีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ทั้งจากการบริการตามบ้านทั่วไป หรือเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร คือเป็นทั้งสถานพยาบาล และสถานพักฟื้น หรือ เป็นที่พักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีไม่มากในไทยซึ่งมีกระจายตามเมืองใหญ่ๆ
ซึ่งแนวโน้มจากการวิเคราะห์สภาพสังคมและเศรษฐกิจจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันประชากรไทยวัยทำงานมีมากขึ้น ประชากรมีเพิ่มขึ้น และมีการใส่ใจดูและสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้แนวโน้มข้างหน้าประชากรไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเหมือนกับประเทศไทยแถบยุโรปบางประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากกว่าประชากรวัยหนุ่มสาว ดังนั้นแนวโน้มของธุรกิจที่น่าจะยั่งยืน และ สามารถทำกำไรได้เรื่อยๆ คงไม่พ้นธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ โดยจากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) นั้นได้แบ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุออกมาเป็น 2 ลักษณะคือ
1. ให้บริการการดูแลเป็นระยะเวลาสั้นๆ
เน้นให้บริการดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งในและนอกสถานที่ ซึ่งจะเหมือนกับที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันคือ ศูนย์บริการพนักงานดูแลผู้สูงอายุ คือจะมีพนักงานที่ผ่านการอบรมในการดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุในด้านต่างๆ ซึ่งจะมีค่าบริการเฉลี่ยวันละ 500-1,200 บาทตามแต่เคสของผู้สูงอายุ และ ประสบการณ์ของพนักงาน ซึ่งทางศูนย์จะส่งพนักงานเหล่านี้ไปตามบ้านผู้ว่าจ้างเพื่อให้คอยดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบไม่อยู่ประจำ หรือ บางรายอาจจ้างแบบค้างคืนด้วย ซึ่งปัจจุบันธุรกิจนี้มีแพร่หลายมากในประเทศไทย และพนักงานส่วนใหญ่จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรการบริบาลเบื้องต้น หรือ ต้องผ่านการอบรมการเป็นผู้ช่วยพยาบาล หรือ บางคนเป็นพยาบาลอาชีพมาทำเป็นอาชีพเสริมก็มี ซึ่งผู้ทำธุรกิจนี้บางรายมีการตรวจสอบประวัติพนักงาน มีการจัดการอบรม และ คัดเลือกพนักงาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้จ้าง แต่บางแห่งไม่ได้มาตรฐานก็มี ซึ่งในอนาคตธุรกิจนี้ยังสามารถเติบโตได้หากผู้ประกอบการมีมาตรฐานในการคัดสรรพนักงานและมีมาตรฐานในการจัดอบรม หรือ มีการตรวจสอบพนักงานที่ถูกส่งไปตามบ้านว่าปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานหรือไม่ก็น่าจะทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น และธุรกิจด้านนี้ยังสามารถขยายไปยังกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องมีคนคอยดูแลได้อีกด้วย
2. ศูนย์บริการดูแลผู้สูงอายุ
แบบจัดให้มีที่พำนักระยะยาว เน้นประเภทอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบบริการบ้านพักหรือห้องพักระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการย้ายถิ่นฐานเข้ามาในโครงการเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณ ส่วนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้นแต่ตลาดยังมีขนาดเล็ก เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุในปัจจุบันยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในประเภทการให้บริการดูแลในระยะสั้น และที่คาดการณ์กันว่าจำนวนผู้สูงอายุจะขยายตัวอีกกว่า 50% ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะทำให้ธุรกิจดูแลในระยะสั้นจะมีโอกาสเติบโตสูงในช่วง 5-10 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งธุรกิจประเภทนี้มีแล้วในบ้านเราแต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ทั้งรูปแบบของโรงพยาบาล หรือ โครงการจัดสรรที่มีบริการครบวงจรด้านสุขภาพ รวมถึง สถานพักฟื้นต่างๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นค่อนข้างสูงพอสมควรเพราะยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก การบริการเน้นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีลูกหลานมีฐานะ เพราะค่าใช้จ่ายต่อเดือนต่อคนนั้นก็หลายหมื่นบาท และสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยที่นิยมดูแลผู้สูงอายุกันที่บ้าน เพราะคิดว่าการส่งสูงอายุไปอยู่สถานที่พักฟื้นนั้นเหมือนเป็นการทอดทิ้งให้อยู่บ้านพักคนชรา หากใครส่งไปจะดูเป็นการอกตัญญูแม้ว่าผู้สูงอายุอยากไปอยู่เองก็ตาม
อ่านเพิ่มเติม >> ลูกคนเดียว วางแผนดูแลพ่อแม่ อย่างไร ? <<
ซึ่งการทำ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ทั้งสองแบบนั้น ในอนาคตความต้องการจะมีสูงขึ้นและหากมีการทำแบบครบวงจร คือมีที่พักสะดวก มีสถานพยาบาล หรือ แพทย์คอยดูแล มีพยาบาลและพนักงานดูแลใกล้ชิด มีการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ หรือ มีการบริการด้านอื่นๆที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ น่าจะทำให้ได้รับความน่าสนใจมากขึ้น
แต่อย่างที่บอกข้างต้นคือ สังคมไทยต้องก้าวข้ามความเชื่อเรื่องการส่งผู้สูงอายุไปตามสถานพักฟื้นว่าเป็นการกตัญญูให้ได้ด้วย เพราะบางครอบครัวนั้นแม้จะมีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน แต่หลายๆบ้านในความเป็นจริงคือทุกคนไปทำงาน ไปเรียนกันหมดแล้วปล่อยผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน บางบ้านมีเงินก็จ้างคนดูแล บางบ้านก็ต้องอยู่คนเดียว กว่าทุกคนจะกลับกันมาคนแก่ก็นอนแล้วแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการปล่อยปะละเลย
แต่หากมีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่สามารถให้บริการได้ครบวงจร และ มีทั้งแบบไป-กลับ หรือ อยู่ค้างคืน มีการจัดการบริการสุขภาพและนันทนาการด้านต่างๆ การส่งผู้สูงอายุไปสถานบริการเหล่านี้ จะทำให้ผู้สูงอายุมีความสุข และสนุกกว่าการนั่งหงอยๆอยู่ที่บ้าน
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงแค่แนวโน้มและการวิเคราะห์ แต่มีการทำอย่างครบวงจรและสมบูรณ์แบบพร้อมกับพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจนี้สามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ เพราะผู้สูงอายุยังคงมีอยู่เรื่อยๆ และอนาคตของกลุ่มผู้สูงอายุก็จะเป็นคนรุ่นใหม่ในตอนนี้ที่มีเงินออม มีความรู้ และ ติดเทคโนโลยี ดังนั้นในอนาคตหากมีใครคิดทำธุรกิจสำหรับผู้สูงอายุที่สามารถตอบสนองได้ครบวงจรคงจะดีไม่น้อยและน่าจะเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียว