ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการ ขายของออนไลน์ เป็นธุรกิจที่ทำเงินมากพอๆ กับทำงานประจำ หรือบางครั้งอาจจะมากกว่างานประจำซะด้วยซ้ำ ซึ่งแม่ค้า พ่อค้าออนไลน์ทั้งหลายก็มีภาระภาษีที่ต้องจ่ายกันด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์แล้ว เราก็ต้องทำหน้าที่เสียภาษีให้ถูกต้องด้วย เพราะเจอตรวจสอบย้อนหลังแล้ว… เราอาจจะต้องจ่ายภาษีมากขึ้นก็ได้
ถ้าหากเราไม่ได้จดทะเบียนร้านค้าออนไลน์ของเราเป็นนิติบุคคล เราก็จะต้องเสียภาษีในแบบบุคคลธรรมดา ดังนั้น เรามาสำรวจตัวเราเองก่อนดีกว่าว่าร้านค้าออนไลน์ของเราอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีหรือเปล่า แล้วมีภาษีอะไรบ้างที่ต้องเสียกัน
- หากเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น
- หากเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์เกิน 1.8 ล้านบาท เราต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
สำหรับเงินได้ที่มาจากการ ขายของออนไลน์ จะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ของกรมสรรพากร ที่ให้ความหมายไว้ว่า เป็นเงินได้จากการทำธุรกิจ การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่รายได้ประเภท 1-7 ซึ่งประกอบด้วย เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ ค่าคอมมิชชั่น ค่านายหน้า ค่าลิขสิทธิ์ เงินปันผล ดอกเบี้ยรับ รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน รายได้จากอาชีพอิสระ (หมอ นักกฎหมาย สถาปนิก ฯลฯ) และรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง
เพราะฉะนั้นรายได้จากการ ขายของออนไลน์ จึงเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ซึ่งการหักค่าใช้จ่ายมีให้เลือก 2 วิธี คือ
- จะหักค่าใช้จ่ายแบบจ่ายจริง ที่เราจะต้องมั่นใจว่ามีเอกสารประกอบค่าใช้จ่ายครบถ้วนตามจำนวนที่เรายื่นกับสรรพากร
- หรือจะเหมาจ่ายในอัตรา 80% ของเงินได้
และสิ่งที่แม่ค้า-พ่อค้าออนไลน์ใช้คำนวณภาษีเหมือนพนักงานทั่วไปได้ ก็คือ รายการลดหย่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต การซื้อกองทุนรวม LTF และ RMF เงินที่จ่ายประกันสังคมตามมาตรา 39 หรือ 40 ดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน เงินบริจาค ฯลฯ
เมื่อเราได้จำนวนตัวเลขทั้งหมด คือ รายได้จากการขายของออนไลน์ ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว เราก็ต้องมากรอกแบบยื่นภาษีของกรมสรรพากร คือ แบบ ภ.ง.ด.90 ซึ่งจะเป็นแบบยื่นภาษีสำหรับเงินได้ทุกประเภทที่ไม่ใช่เงินเดือน โดยอัตราภาษีที่ใช้คำนวณก็จะเป็นแบบเดียวกับการยื่นภาษีเงินได้ที่เป็นเงินเดือน แต่จะมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นมา คือ ถ้าหากเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์มากกว่า 1 ล้านบาทต่อปี เราจะต้องนำเงินได้มาคูณด้วย 0.5% ว่าได้เท่าไรแล้วนำไปเปรียบเทียบกับภาษีที่เราคำนวณได้ แล้วเลือกจ่ายภาษีที่มีจำนวนสูงกว่า
อย่างที่รู้กันเป็นตัวหนังสืออย่างเดียวอาจจะไม่เห็นภาพ เพราะฉะนั้นเรามาลองดูตัวอย่างการคำนวณแบบง่ายๆ กันดู สมมติว่าเราขายของออนไลน์ได้ทั้งหมด 5,000,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย 80% และรวบรวมรายได้ลดหย่อนได้ทั้งหมด 150,000 บาท เพราะฉะนั้นคำนวณว่าจะต้องเสียภาษีเท่าไรได้แบบนี้
คำนวณภาษีแบบที่ 1
คำนวณภาษีแบบที่ 2
คือ นำรายได้จากการขายของออนไลน์ทั้งหมดจำนวน 5,000,000 บาท มาคูณด้วย 0.5% จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 25,000 บาท
ดังนั้น เมื่อเรานำจำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่ายในแบบที่ 1 และแบบที่ 2 ที่คำนวณได้ และเลือกแบบที่มากกว่า นั่นก็คือ ภาษีเงินได้จากการ ขายของออนไลน์ ที่เราจะต้องจ่าย คือ 77,500 บาท
และก่อนจะจบเรื่องการเสียภาษีสำหรับแม่ค้า-พ่อค้าออนไลน์ เรามาลองดูเงื่อนไขในการเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบจ่ายจริงกันดู คือ หากเราจะเลือกวิธีนี้ เราจะต้องมั่นใจได้ว่าค่าใช้จ่ายที่ใช้จะต้องเกี่ยวข้องกับร้านค้าของเรา เช่น ถ้าเป็นการซื้อมาขายไป ค่าน้ำมันรถ ค่าทางด่วน ค่าไปรษณีย์รับส่งสินค้าก็สามารถนำมาใช้ได้ จำนวนเงินที่นำมายื่นก็ต้องเหมาะสมไม่มากจนเกินไป และที่สำคัญทุกรายการต้องมีเอกสารหลักฐานครบถ้วน ซึ่งการเลือกค่าใช้จ่ายนี้กรมสรรพากรไม่ได้บังคับว่าต้องใช้แบบเดียวกันทุกปี ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกใช้แบบไหนในแต่ละปี ให้เหมาะสมกับร้านค้าออนไลน์ของเรา
อ่านเพิ่มเติม >> ขายของออนไลน์ เตรียมโดนภาษี ! <<