เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีกันแล้ว แน่นอนว่าปีนี้หลายๆคนคงมีอาการติดๆขัดกับเรื่องของการลงทุน การทำธุรกิจกันบ้างโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเล็กๆอย่างพวกออนไลน์ต่างๆ แต่ในปีหน้าแนวโน้มของการตลาดในโลกออนไลน์จะทวีความแรงขึ้นมากกว่าปีนี้และมีแนวโน้มทิศทางที่น่าสนใจ 4 อย่างที่อยากให้ศึกษาและนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจไม่ว่าจะสายออนไลน์โดยตรง หรือใช้โลกออนไลน์ทำการตลาดก็ตามและ 4 แนวโน้มของ การตลาดออนไลน์ในปี 2559 ที่คนทำธุรกิจต้องรู้ มีอะไรบ้างมาดูกัน
อ่านเพิ่มเติม >> การตลาดออนไลน์ มีแนวโน้มดุเดือดในปีหน้า <<
1. สื่อออนไลน์ที่จะมีผลกับการทำธุรกิจ
ในช่วงปีนี้เทรนด์การทำการตลาดออนไลน์บนโซเชี่ยลมีผลอย่างเห็นได้ชัด การเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากทำให้มีผลกับการโฆษณา การโปรโมท ซึ่งสื่อหลักๆคงไม่พ้น Facebook แต่สำหรับในปีหน้ามีการคาดการณ์กันว่า Instagram จะได้รับความสนใจมากกว่า Facebook เพราะความสะดวกในการใช้งานและการเข้าถึงกลุ่มคนเป็นจำนวนมากๆ รูปแบบระบบปฏิบัติที่ไม่ซับซ้อนทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หากสังเกตกันบ้างในระยะหลังๆจะเห็นได้ว่า Facebook มีการปรับระบบต่างในการแสดงผลของหน้าฟีดข่าวทำให้ การแสดงผลในหน้า Facebook ของแต่ละคนเปลี่ยนไป โพสจากเพจ หรือ โพสจากเพื่อน ที่เราเพียงแค่อ่านไม่ได้กดไลด์ ไม่ได้คอมเม้นท์ จะไม่ค่อยแสดงให้เราเห็นบ่อยนัก นั่นเพราะ Facebook ดูจากการเข้าถึงของเราและจัดแสดงผลเหมือนคิดแทนเราว่าเราอยากดูอันไหน และ ควรแสดงหน้าไหนให้เราเห็นบ้าง ซึ่งมันไม่ใช่เลยเพราะบางคนนิยมอ่านหรือดูโดยไม่กดไลค์
ทำให้ปัจจุบันหลายๆคนโดยเฉพาะกลุ่มทำธุรกิจออนไลน์ต้องเหนื่อยในการหาวิธีต่อสู้กับการจัดการแสดงผลในหน้าฟีดของ Facebook แม้ว่าหลายคนจะยอมเสียเงินจ่ายค่าโปรโมทให้กับ Facebook แต่ดูมันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก ส่วน Instagram ไม่ซับซ้อนเท่า Facebook เรากดติดตามใครไว้ เมื่อคนๆนั้นมีการเคลื่อนไหวเราก็จะเห็นได้ง่ายกว่า การค้นหาทำได้ง่ายกว่า การกดติดตามหรือเชื่อมโยงไปยังคนอื่นๆก็สามารถทำได้ง่ายกว่า การสื่อสารง่ายๆสั้นๆกระชับทำให้คนหันมาสนใจมากขึ้น การเปิดร้านค้าใน Instagram ก็สะดวกรวดเร็วการโปรโมทต่างๆใช้แค่รูปภาพและข้อความง่ายๆ ทำให้ร้านค้าใน Instagramมีเพิ่มมากขึ้นในระยะอันรวดเร็ว และในอนาคตนี้ Instagram มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากกว่า Facebook ด้วย
2. การค้นหาจะทำได้ยากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันเครื่องมือการค้นหาสิ่งต่างบนโลกออนไลน์มีไม่กี่แบรนด์เช่น Google, Bing และ Yahoo ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะไม่เพียงกับการค้นหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งบนโลกออนไลน์แล้ว เพราะด้วยระบบการทำงานของเสริชเอนจิ้นที่ซับซ้อนในการเลือกการแสดงผลไม่ครอบคลุม ทำให้กลุ่มสังคมออนไลน์พัฒนารูปแบบที่สามารถให้ค้นหาสิ่งต่างๆได้แม้จะไม่ครอบคลุมเหมือน Google, Bing และ Yahoo แต่ก็ช่วยได้บ้างส่วนหากสิ่งที่เราต้องการค้นหานั้นมีอยู่ในกลุ่มสังคมออนไลน์ด้วยเช่น Facebook, Twitter, Google Plus, Yelp และ LinkedIn , Line , Instagram , Pinterest , Youtube และอื่นๆ ซึ่งนับวันจะขยายตัวมากยิ่งขึ้นเพราะการค้นหาในเครื่องมือหลักไม่ครอบคลุม
ดังนั้นบางอย่างต้องค้นหาจากสังคมออนไลน์ต่างๆที่เชื่อมโยงไว้ด้วยกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณมีเว็บไซด์สำหรับค้าขายส่วนตัว การมีแค่เว็บไซด์ และ Facebook มันไม่เพียงพอต่อการทำการตลาดแล้วคุณต้องหาพื้นที่ในสังคมออนไลน์อื่นๆตามที่กล่าวข้างบนและกำหนดค่าในการแสดงผลเช่น เมื่อคุณอัพเดทสิ่งต่างในเว็บไซด์ สิ่งที่อัพเดทต้องไปแสดงผลในสังคมออนไลน์ที่คุณได้สร้างไว้ เพื่อให้เข้าถึงได้มากขึ้น และอาจต้องไปตามบอร์ดสนทนาต่างๆเพื่อให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น
แน่นอนว่ามันหมายถึงคุณต้องสนใจสื่อพวกนี้มากขึ้น หากลยุทธ์และวิธีต่างๆเพื่อให้ทำการตลาดให้ได้ผล การทำ SEO ต้องมีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ การแข่งขันในด้านนี้จะสูงขึ้นและหากไม่มีความสดใหม่มีแต่การก๊อปปี้เหมือนอย่างในปัจจุบันที่เรามักเห็นในหน้าข่าวของ Facebook ความเชื่อถือของผู้บริโภคจะลดลงเพราะมีแต่เรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ความน่าสนใจไม่มี นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้การตลาดในสังคมออนไลน์เริ่มมีแต่ความน่าเบื่อ
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับสองแนวโน้มที่นำมาเสนอ แต่ยังไม่จบแค่นี้รับรองว่าคนทำธุรกิจในโลกออนไลน์ต้องเจอกับการแข่งขันที่สูงขึ้น เทคนิคกลยุทธ์ต่างต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นและต้องน่าสนใจไม่ซ้ำใครด้วย ในบทความหน้าเรามาดูกันว่าอีกสองแนวโน้มที่เหลือนั้นจะเป็นอย่างไร
ที่มา : http://localvox.com/blog/2016-digital-marketing-trends/