ปัจจุบันนี้จะซื้ออะไรก็ผ่อนได้แทบทุกอย่างทำให้แม้เราจะไม่มีเงินพอในตอนนี้ ก็สามารถได้ของมาใช้ก่อนแล้วค่อยผ่อนจ่ายเอาทีหลังมีข้อดี ก็คือ สะดวกไม่ต้องรอเก็บเงินนาน หากเป็นสิ่งของที่จำเป็นเราก็จะใช้ประโยชน์ได้ทันท่วงที บ้านก็ผ่อนได้ รถยนต์ก็ผ่อนได้ มือถือก็ผ่อนได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ผ่อนได้ เรียกว่าผ่อนได้แทบทุกอย่าง แต่การที่อะไรอะไรก็ซื้อเงินผ่อนได้แบบนี้ บางทีก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เพราะหากมองกันให้ดีก็เหมือนเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้าก่อน แล้วหากอนาคตเราเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาล่ะ หนี้เงินผ่อนของเราจะทำอย่างไร หากเป็นของชิ้นไม่ใหญ่ราคาไม่สูงก็ยังพอมีทางออกให้หยิบยืมจากญาติมิตรหรือเพื่อนฝูงมาจ่ายถูไถไปก่อนได้ แต่หากเป็นของชิ้นใหญ่มูลค่ามาก ถึงเวลาจ่ายไม่ไหวก็ดูจะเป็นปัญหาใหญ่อยู่เหมือนกัน
เราจะมาคุยถึงกรณีของการผ่อนรถยนต์กันมีให้เห็นเยอะที่เมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกมาขับแล้ว สุดท้ายผ่อนไม่ไหวต้องขายทิ้งไปหรือต้องปล่อยให้รถโดนยึดไป เงินที่ดาวน์กับผ่อนมาเหมือนสูญเปล่าไปเลยล่ะ มีคำถามว่าหากผ่อนรถไม่ไหวแล้ว อยากจะคืนรถให้บริษัทไปจะต้องทำอย่างไรบ้าง หากตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ผ่อนต่อต้องการคืนรถให้กับบริษัทไฟแนนซ์ไปเลย ก็สามารถทำได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ขับรถไปที่บริษัทไฟแนนซ์และขอให้บริษัทออกหลักฐานการส่งมอบรถคืนให้เรา
- ตกลงเรื่องค่าเสียหายที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมให้เรียบร้อย
- ตรวจสภาพรถก่อนส่งมอบที่สำคัญควรถ่ายรูปทุกมุมของรถไว้เป็นหลักฐานด้วย
- หากตกลงเรื่องค่าเสียหายกับทางบริษัทไม่ได้ ค่าเสียหายที่เราจะต้องเป็นผู้จ่ายเพิ่มก็จะมีค่าขาดประโยชน์ ค่าเสื่อมราคาและค่าธรรมเนียมศาล
บริษัทไฟแนนซ์ที่จริงเขาดำเนินธุรกิจให้กู้ยืมเงิน เขาก็ไม่ได้ต้องการรถคืน แต่เขาต้องการเงินคืนมากกว่า เมื่อเราคืนรถไปบริษัทไฟแนนซ์ก็จะนำรถของเราไปประมูลขายทอดตลอดเพื่อให้ได้เงินคืนมา อย่างที่ทราบว่าราคาของรถตกลงเร็วมาก เงินที่ขายจากการประมูลมักไม่ค่อยพอกับหนี้ที่เรามีอยู่ บริษัทไฟแนนซ์จึงต้องมาไล่เบี้ยเอากับเราในส่วนต่างนั้น หากเราคืนเงินส่วนต่างรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็ถือว่าเรื่องจบสัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันยกเลิกไป แต่หากเราไม่มีเงินจ่ายค่าส่วนต่างของรถ บริษัทไฟแนนซ์ก็จะฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลช่วยตัดสิน
กรณีที่บริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องต่อศาลเราก็อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะศาลจะอยู่ตรงกลางให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าศาลไม่ได้เข้าข้างบริษัทไฟแนนซ์แน่เราจึงไม่ต้องกลัว โดยมากเมื่อเรานำรถไปคืนหรือบริษัทไฟแนนซ์จะเป็นคนมายึดรถเราก็ตาม เราก็จะต้องจ่ายมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ รวมถึงค่าเสียหายและค่าเบี้ยปรับต่าง ๆ ด้วย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้บริษัทไฟแนนซ์จะคิดมาแบบเต็มพิกัดเลย แต่ถึงเวลาจริง ๆ แล้ว เรามักไม่ต้องจ่ายเต็มตามที่บริษัทไฟแนนซ์เรียกมา ศาลจะดูให้หากค่าใช้จ่ายไหนที่ซ้ำซ้อนหรือคิดสูงเกินไป ศาลจะลดให้เราก็จ่ายแค่ตามที่ศาลพิพากษาออกมา
อ่านเพิ่มเติม : วิธี คิดค่างวดผ่อนรถ ก่อนตัดสินใจซื้อ
ที่จริงแล้วเมื่อผ่อนรถไม่ไหว การเลือกนำรถไปคืนให้กับบริษัทไฟแนนซ์หรือการรอให้เขามายึดรถของเราน่าจะเอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายที่เราไม่มีทางออกอื่นแล้ว เพราะมีอยู่หลายวิธีที่เราอาจะทำได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกับส่วนต่างราคารถของการนำรถออกขายทอดตลาด ซึ่งวิธีที่ว่าก็มีดังนี้
- ลองปรึกษากับบริษัทไฟแนนซ์เพื่อปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ของเราดูก่อน เช่น อาจคุยเรื่องค่างวดให้ผ่อนน้อยลง และผ่อนให้นานขึ้น เป็นต้น
- หากคิดว่าผ่อนต่อไม่ไหวแน่นอน ควรเลือกวิธีขายรถออกไปให้กับคนอื่น ขายขาดทุนก็ได้ แล้วจับมือกับลูกค้าไปเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทไฟแนนซ์ วิธีนี้อาจมีขั้นตอนที่ต้องรอไฟแนนซ์อนุมัติเงินกู้ให้กับลูกค้าคนใหม่ แต่ถ้าผ่านพ้นไปด้วยดี เราก็อาจได้เงินคืนมาบ้างหรือแม้ไม่ได้คืนก็ไม่ต้องเสียเงินส่วนต่างและไม่ต้องเสียเครดิตด้วย
- หากหาลูกค้าที่จะมาซื้อต่อไม่ได้ให้ลองถามญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทมิตรสหาย เผื่อมีใครต้องการผ่อนรถของเราต่อ เรายกให้เขาไปฟรี ๆ เลยก็ยังดีกว่าให้บริษัทไฟแนนซ์มายึด ถ้าให้ดีก็ไปเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อที่บริษัทไฟแนนซ์ให้เรียบร้อยด้วย โดยเราก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายไป วิธีนี้ก็ยังถือว่าคุ้มกว่าขับรถไปคืนหรือปล่อยให้รถโดยยึด เพราะถึงขั้นนั้นเมื่อไหร่มีแต่ต้องเสียเงินเพิ่มอย่างแน่นอน
รถสมัยนี้ราคาไม่ถูก ระยะเวลาในการผ่อนก็นาน บางคนเลือกผ่อนยาว 5 ปีก็มี ก่อนซื้อรถให้พิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าความสามารถในการจ่ายหนี้รถของเรานั้นมีมากน้อยแค่ไหน รายได้ของเราเพียงพอและมีความมั่นคงหรือไม่ หากไม่แน่ใจคิดว่าไม่พร้อมก็ยังไม่ควรซื้อ รายได้ต้องมากกว่าเงินที่จะต้องผ่อนมากยิ่งหลายเท่ายิ่งดีและหากเป็นไปได้ก็เก็บเงินดาวน์ให้เยอะเหลือผ่อนให้น้อย ๆ จะได้ผ่อนหมดเร็ว ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องผ่อนไม่ไหวตามมาให้ปวดหัว รถก็ไม่ได้ใช้ต่อแถมยังต้องเสียเงินเพิ่มอีก ถ้าเรื่องถึงโรงถึงศาลก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มแถมเสียเวลาทำมาหากินอีก ดังนั้น ตัดสินใจให้ดีก่อนที่จะผ่อนซื้อรถยนต์
ข้อมูลอ้างอิง http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=5411