การซื้อสินค้าออนไลน์ ถือว่าเป็นรูปแบบการดำรงชีวิตแนวใหม่ของผู้คนในยุคโลกออนไลน์ ที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาเพื่อเดินทางไปเลือกซื้อสินค้าถึงที่แหล่งจำหน่าย สามารถทำรายการต่าง ๆ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เพื่อดายละเอียดสินค้า รีวิวสินค้าของผู้เคยใช้บริการ และสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแบบเดียวกันจากผู้ขายสินค้าออนไลน์หลายรายในระบบอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งทำให้การเลือกซื้อสินค้าออนไลน์เป็นสิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยุ่งยากสำหรับคนที่สนใจใช้บริการ
ธุรกิจออนไลน์เติบโตขึ้นมิใช่เพียงมีสินค้าให้เลือกหลายหลาย ตรงใจผู้ใช้บริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสะดวกในการชำระค่าสินค้าออนไลน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าออนไลน์เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมและใช้อย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจประเภทนี้เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิดของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบางกลุ่ม ซึ่งลักลอบขโมยข้อมูลบนบัตรเครดิต เช่น ชื่อเจ้าของบัตรเครดิต เลขบัตรเครดิต วันหมดอายุ และเลข 3 ตัวหลังบัตรเครดิต (CCV สำหรับบัตรเครดิต VISA หรือ CCV2 สำหรับบัตรเครดิต Master Card) เป็นต้น ของผู้ใช้บริการซื้อสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการ รวมทั้งการถอนเงินสดเพื่อประโยชน์ของตนเอง ทำให้เจ้าของบัตรเครดิตตัวจริงได้รับความเดือดร้อน
อ่านเพิ่มเติม >> ทำไงดี บัตรเครดิตถูกสวมรอย <<
ดังนั้นจึงมีบริการ Verified by VISA (บัตรเครดิต VISA ) หรือ Master Card Secure Code (บัตรเครดิต Master Card) ซึ่งเป็นระบบป้องกันสร้างความปลอดภัยเมื่อชำระค่าสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต โดยจะมีรหัสลับที่เรียกว่า ONE TIME PASSWORD หรือ รหัส OTP ส่งให้กับผู้ใช้บริการโดยตรง ซึ่งรหัส OTP มีลักษณะและความสำคัญ ดังนี้
ลักษณะของรหัส OTP
- เป็นรหัสที่ถูกออกแบบสำหรับผู้ใช้บริการแต่ละคน และรหัส OTP จะไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้งที่ทำการขอใหม่
- ในการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตแต่ละครั้ง ผู้ใช้บริการสามารถขอรหัส OTP ได้หลายครั้ง หากไม่มั่นใจในการกรอกเลขรหัส OTP ลงในช่องที่กำหนดเพื่อยืนยันการชำระค่าสินค้าออนไลน์ตัดชำระผ่านบัตรเครดิต
- รหัส OTP เป็นรหัสลับที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งการทำธุรกรรมแต่ละครั้งจำเป็นต้องขอรหัส OTP ใหม่ทุกครั้ง โดยการกดขอรหัส OTP บนหน้าเว็บไซต์ที่ทำรายการทั้งจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
- รหัส OTP แต่ละรหัส จะจำกัดระยะเวลาการใช้งานในทุกครั้งที่ขอรหัสกับทางระบบ Verified by VISA (บัตรเครดิต VISA ) หรือ Master Card Secure Code (บัตรเครดิต Master Card) เช่น จำกัดระยะเวลาการใช้งานเพียง 3 นาที หรือ จำกัดระยะเวลาการใช้งานเพียง 5 นาที เป็นต้น ซึ่งหากเกินระยะเวลาที่กำหนดซึ่งถูกระบุบนหน้าเว็บไซน์ที่ทำรายการ รหัสOTP ดังกล่าวก็จะไม่สามารถใช้งานได้และจำเป็นต้องขอใหม่อีกครั้ง
- รหัส OTP จะถูกส่งมาจากบริษัทบัตรเครดิตที่ผู้ใช้บริการเลือกใช้บริการเท่านั้น เช่น หากชำระค่าสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต Master Card ของบริษัทบัตรเครดิตในเครือธนาคารกรุงเทพ รหัส OTP ก็จะถูกจัดส่งมาจากบริษัทบัตรเครดิตเครือ ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น
- ผู้ใช้บริการสามารถเลือกรับรหัส OTP ได้ 2 ทาง คือ
- ทางหมายเลขโทรศัพท์ผ่าน SMS
- ทางระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail)
ซึ่งสามารถระบุเลือกความต้องการได้ตั้งแต่การสมัครใช้บริการ
- เมื่อของรหัส OTP รหัสจะถูกส่งเข้าทาง SMS ของโทรศัพท์มือถือ (กรณีเลือกรับข้อมูลผ่านทาง หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ) ซึ่งลักษณะของข้อความ ตามตัวอย่างดังนี้
รหัส OTP สำหรับชำระเงินออนไลน์
ของคุณคือ 123456
รหัสอ้างอิง (ABCDEF)
- การขอรหัส OTP จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ความสำคัญของรหัส OTP
- จากลักษณะเด่นที่รหัส OTP ใช้ได้เพียงครั้งเดียว และมีกำหนดระยะเวลาการใช้งาน จึงทำให้ผู้อื่นไม่สามารถนำรหัส OTP ไปใช้เพื่อทำธุรกรรมในครั้งใหม่ได้ แม้จะทราบข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน เช่น ชื่อเจ้าของบัตรเครดิต เลขบัตรเครดิต วันหมดอายุ และเลข 3 ตัวหลังบัตรเครดิต (CCV สำหรับบัตรเครดิต VISA หรือ CCV2 สำหรับบัตรเครดิต Master Card)
- รหัส OTP จะส่งเข้ายังหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้บริการเท่านั้น ทำให้การขโมยข้อมูลรหัส OTP เป็นไปได้ยาก เนื่องจากการสร้างความปลอดภัยแรกที่สมัครที่ต้องจำเป็นต้องระบุหมายเลขโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้จัดส่งรหัส OTP ก็สามารถแก้ไขได้ โดยต้องผ่านระบบการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เพื่อยืนยันตัวของเจ้าของบัตรเครดิตก่อนเท่านั้น
- ระบบบริการ Verified by VISA (บัตรเครดิต VISA ) หรือ Master Card Secure Code (บัตรเครดิต Master Card) ออกแบบให้ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องกรอกข้อมูลรหัส OTP ทุกครั้งเมื่อทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการว่าได้ทำรายการจริง สร้างความปลอดภัยได้อีกระดับหนึ่งนอกเหนือจากการตรวจสอบเว็บไซต์เบื้องต้นด้วยตนเองก่อนจะซื้อสินค้าว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงพอ เพราะทาง VISA และ Master Card จะต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนให้บริการร่วม Verify ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจได้มากขึ้น
- รหัส OTP เข้ามามีบทบาทเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าออนไลน์ เนื่องจากแต่เดิมระบบความปลอดภัยเมื่อใช้บริการตัดชำระเงินผ่านบัตรเครดิตรูปแบบออนไลน์ ทั้งแบบบัตรเครดิต VISA หรือ Master Card จะมีลักษณะรหัสตัวเดิม ที่สามารถใช้ได้ทุกครั้งเมื่อทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัตรเครดิต ทำให้ผู้ใช้บริการบัตรเครดิตมีความเสี่ยงมากขึ้นทุกครั้งที่มีการทำรายการผ่านระบบออนไลน์
รหัส OTP มีข้อดีหลายประการ ดังนั้น ผู้ที่มีบัตรเครดิตไม่ว่าประเภทใดและสนใจจะซื้อสินค้าออนไลน์พร้อมทั้งชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ควรสมัครใช้บริการ ซึ่งระบบ Verified by VISA (บัตรเครดิต VISA ) หรือ Master Card Secure Code (บัตรเครดิต Master Card) สามารถสมัครได้ 2 วิธี คือ
- สมัครกับบริษัทบัตรเครดิตผ่านทางเว็บไซต์
- สมัครเมื่อมีการซื้อสินค้าออนไลน์และชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิต โดยจะมีการลิงค์ข้อมูลไปยังบริษัทบัตรเครดิตที่เลือกใช้ชำระค่าสินค้า (เฉพาะบางเว็บไซต์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น) สังเกตได้จาก สัญลักษณ์ Verified by VISA หรือ Master Card Secure Code หน้าเว็บไซต์ที่ขายสินค้า
อย่างไรก็ตาม แม้ระบบจะมีความปลอดภัยมากเพียงใด สิ่งสำคัญที่สุด คือ ผู้ใช้บริการควรหมั่นตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอย่างเสมอ เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น