ผู้อ่านส่วนใหญ่คงเคยได้ยินหรือใช้บริการของ PayPal กันมาบ้าง แต่หากยังไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ก็ขออธิบายสักเล็กน้อยกันก่อน บริการของ PayPal สามารถเรียกได้ว่า คือ“ธนาคารออนไลน์”หากแต่จะไม่มีเลขที่บัญชี ซึ่งจะแตกต่างจากบัญชีธนาคารธรรมดาที่เราคุ้นเคยกันดี ธนาคารออนไลน์ PayPal สามารถใช้จ่ายเงิน โอนเงินและฝากเงินได้เหมือนปกติ โดยจะเป็นการผูกบัญชีเข้ากับอีเมล์ แอดเดรส (Email Address) ที่เราได้ลงทะเบียนใช้บริการเอาไว้
บัญชีของทาง PayPal จะไม่มีดอกเบี้ย แต่ข้อดีที่สำคัญคือ สามารถโอนเงินระหว่างบัญชี PayPal ได้อย่างอิสระ ซึ่งทำให้สามารถโอนเงินให้กันระหว่างประเทศได้โดยง่าย ในปัจจุบันบัญชี PayPal ส่วนมากจึงถูกใช้ในการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตหรือการซื้อขายระหว่างประเทศ ทั่วไปแล้ว PayPal ถือได้ว่า เป็นบริการระดับโลกที่ได้รับการยอมรับ มีความน่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยสูง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การใช้ PayPal ยังมีเรื่องที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือ การได้รับอีเมล์ปลอม เพราะการสื่อสารทั้งหมดของการทำธุรกรรมต้องผ่านทางอีเมล์เท่านั้น พวกมิจฉาชีพจึงอาศัยช่องทางนี้ในการโจรกรรมข้อมูล สร้างอีเมล์ปลอม แล้วดึงข้อมูลของผู้ใช้บริการออกไป ทำให้สามารถนำเงินที่มีอยู่ในบัญชี PayPal รวมทั้งเงินในบัตรเครดิตหรือเดบิตของคุณที่ได้ผูกกับบัญชีเอาไว้ ไปใช้ได้อย่างสบาย ๆ ดังนั้นผู้ใช้ทุกคนจึงต้องระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นอาจต้องสูญเงินไปเป็นจำนวนมากก่อนจะรู้ตัว
เหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและระบาดหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น จากกรณีที่มีกล่าวถึงในกระทู้ของ http://pantip.com/topic/34692765 คือ การมีอีเมล์ที่อ้างตนว่า ส่งมาจาก PayPal พร้อมกับร้องขอข้อมูลการยืนยันตัวตนของคุณ อีเมล์ปลอมที่ส่งมาจะมีการใช้ตราสัญลักษณ์ของ PayPal มีหัวกระดาษและใช้ภาษาที่เป็นทางการเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และจะมีลิงค์ (Link) ให้กดเพื่อเข้าไปยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี PayPal ของคุณ เมื่อคุณกดเข้าไป จะมีการขอให้ใส่อีเมล์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ ข้อมูลบัญชีและรหัสผ่านของคุณด้วย ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เอะใจถึงความผิดปกติแล้วกรอกข้อมูลลงไป ในขณะนี้ก็เท่ากับว่า พวกมิจฉาชีพได้ข้อมูลสำคัญในการเข้าถึงบัญชีของคุณไปแล้ว
แล้วต้องทำยังไงถึงจะรู้ว่า อีเมล์ที่ส่งมาเป็น อีเมล์ปลอม คุณจะระมัดระวังตัวในการดูอีเมล์นี้ได้ยังไง ไม่ต้องห่วง มีเทคนิคง่าย ๆ ทำให้เรารู้ทันพวกมิจฉาชีพประเภทนี้
1. อย่ามองแค่ตราสัญลักษณ์ของบริษัท ภาพหรือตราของบริษัทหาได้ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องเป็นมืออาชีพก็สามารถใช้ตราสัญลักษณ์ได้ สิ่งที่ควรทำคือ เปรียบเทียบกับอีเมล์ที่คุณเคยได้รับตอนลงทะเบียน มองให้ชัดเจนว่า รูปแบบเหมือนกันหรือไม่
2. ใช้คำทักทายด้วยคำที่ไม่เจาะจง เช่น Dear Costumer อีเมล์จริงจากธนาคารออนไลน์จะระบุชื่อจริงและนามสกุลของผู้ใช้บริการเสมอในการติดต่อ เพราะฉะนั้นหากในอีเมล์ที่ส่งมาไม่ได้ระบุชื่อ-นามสกุลของคุณ ปิดไปได้เลย เป็นอีเมล์ปลอมอย่างแน่นอน
3. มีการแนบไฟล์หรือการร้องของให้อัพเดตซอฟแวร์ ถ้าเป็นจากต้นสังกัดจริง ๆ จะไม่ใช้วิธีแนบไฟล์มาให้ผู้ใช้บริการ การแนบไฟล์จะเป็นตัวบ่งบอกที่โดดเด่นเลยทีเดียวว่า นี้เองอีเมล์ปลอม
4. มีการร้องขอให้ใส่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ขอให้แจ้งข้อมูลทางการเงิน ชื่อ-นามสกุล หรือวันเกิด ทาง PayPal มีข้อมูลของคุณอยู่แล้ว และหากต้องการให้คุณเปลี่ยนแปลงข้อมูลก็จะให้คุณเข้าไปลงทะเบียนในเว็บไซต์เอง ไม่ส่งอีเมล์มาให้คุณ
5. มีการร้องขอให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน อีเมล์หลอกลวงส่วนใหญ่จะใช้วิธีที่บอกว่า บัญชีของคุณอยู่ในอันตรายจำเป็นต้องอัพเดตข้อมูลสำคัญบางอย่างทันที แต่นั้นก็เพื่อให้คุณเร่งรีบและลืมระมัดระวังเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่า ทาง PayPal ต้องการติดต่อคุณอย่างเร่งด่วนจริงหรือไม่ ให้เข้าไปใช้งานตามปกติก่อน แล้วจะมีข้อความเด้งมาที่หน้าจอของคุณเอง
หากคุณพิจารณาทั้งหมดนี้แล้ว คุณจะสามารถมองออกได้ว่า อันไหนคือ อีเมล์ปลอม และอันไหนคือ อีเมล์จริง แต่นอกเหนือจากการได้รับอีเมล์ปลอมแล้ว กลุ่มมิจฉาชีพทางอินเทอร์เน็ตก็ยังมีวิธีการอีกร้อยแปดพันเก้ามาหลอกเอาเงินของคุณ ซึ่งบางครั้งต้องยอมรับว่า เป็นวิธีที่เหนือคาดจริง ๆ เพราะมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ การทำการซื้อสินค้าหรือบริการจากคุณ แต่กลับชำระเงินเกินกว่าที่คุณได้แจ้งไป แล้วคุณจะเสียอะไรล่ะ ในเมื่อคุณได้รับชำระมาเกิน เหมือนจะได้กำไรและอย่างน้อยก็ได้รับเงินมาแล้วแต่การฉ้อโกงจะเริ่มหลังจากนี้ เมื่อมิจฉาชีพขอให้คุณโอนเงินกลับไป ตอนที่คุณโอนส่วนต่างกลับไป ทางมิจฉาชีพอาจทำการแจ้งอายัดเงินแล้วโดนเรียกเงินทั้งหมดที่เคยโอนมากลับไป ซึ่งทำให้คุณสูญเสียเงินที่คุณโอนออกไปโดยสูญเปล่า โดยวิธีหลีกเลี่ยงคืออย่าโอนเงินให้คนที่คุณไม่รู้จัก ผู้ซื้อจริง ๆ จะไม่โอนเงินให้คุณเกินกว่าราคาที่ได้กำหนดเอาไว้อย่างแน่นอน
เมื่อธนาคารออนไลน์ให้ความสะดวกสบายที่มากขึ้น ก็ต้องยอมรับว่า ก็เป็นการเปิดช่องทางให้กับพวกมิจฉาชีพจำนวนมากด้วย ผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยง ณ จุดนี้ให้มากที่สุด ควรเข้าไปตรวจการทำงานของ PayPal ให้ดี อ่านวิธีการใช้บริการและคำเตือนต่าง ๆ รวมทั้งคอยอ่านข่าวและความเป็นไปอยู่เสมอ ๆ เพราะจำไว้ว่า มิจฉาชีพมองหาวิธีใหม่ ๆ ได้ตลอดและสิ่งที่ทำได้คือ การใช้บริการอย่างระมัดระวัง ป้องกันสิ่งที่อาจเกิดเท่าทำได้
อ่านเพิ่มเติม : ระวัง ! แก๊งค์ก๊อปปี้ข้อมูลบัตรเครดิต รูดซื้อสินค้า