สร้างความฮือฮาอยู่ไม่น้อย เมื่อนิตยสารไทม์ สื่อทรงอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นปกส่งท้ายปี 2015 เป็นภาพกราฟฟิกใบหน้านาง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งประเทศเยอรมนี และได้ยกย่องให้เธอเป็นบุคคลแห่งปี (Person of the Year) พร้อมข้อความเขียนบรรยายว่า นายกรัฐมนตรีของโลกเสรี ขณะที่อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอซิส คว้าอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจฝีปากกล้าในแนวขวาจัดชาวอเมริกัน ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในปี 2016 นั่นเอง
เพราะเหตุใดที่ทำให้นางอังเกลา แมร์เคิล ถึงได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ แนนซี กิบส์ บรรณาธิการของนิตยสารไทม์ได้กล่าวว่า นางอังเกลา แมร์เคิล เป็นผู้นำที่มีความแข็งแกร่ง และมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์หนี้ของกรีซ และการไหลทะลักของผู้อพยพ ซึ่งถือเป็นวิกฤติของยุโรป เธอต่อต้านการปกครองแบบข่มเหง เอารัดเอาเปรียบอย่างกล้าหาญ แม้ว่าจะได้รับความกดดัน แต่เธอก็พร้อมที่จะก้าวเข้ามาให้ความช่วยเหลือกรีซในเรื่องการเงินภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด รวมถึงเยอรมนียินดีต้อนรับผู้อพยพ และจะส่งทหารไปต่อสู้กับกลุ่มไอซิส ไม่ว่าจะมีใครไม่เห็นด้วยกับเธอก็ตาม
ในฐานะผู้นำที่มีความกล้า ต่อต้านการปกครองแบบกดขี่ข่มเหง และยืดหยัดมั่นคงต่อศีลธรรมอย่างแน่วแน่ในโลกที่กำลังขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ จึงทำให้นิตยสารไทม์ยกย่องให้เธอเป็นบุคคลแห่งปี 2015 ซึ่งถือเป็นประวัติการณ์กลายเป็นผู้หญิงคนแรกในรอบ 29 ปี และเป็นผู้หญิงคนที่ 4 ที่ได้ขึ้นปกนิตยสารไทม์
อังเกลา แมร์เคิล เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 1954 ในเมืองฮัมบูร์ก เยอรมนีตะวันตก แต่ครอบครัวเธอต้องย้ายไปยังเมือง Templin เยอรมนีตะวันออก หลังจากเธอเกิดได้เพียงไม่กี่สัปดาห์
เธอเป็นเด็กเฉลียวฉลาด เรียนหนังสือเก่ง และมีผลการเรียนยอดเยี่ยมอยู่เสมอ วิชาที่เธอถนัดมากเป็นพิเศษ ก็คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา เมื่อเรียนจบในระดับมัธยมศึกษา เธอเลือกเรียนต่อด้านสาขาฟิสิกส์ ในมหาวิทยาลัยไลพ์ซิจ และศึกษาต่อที่ German Academy of Sciences ในกรุงเบอร์ลิน จนได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิตด้านควอนตัม ในปี 1986 จนเข้าสู่การทำงานที่สถาบันวิทยาศาสตร์เยอรมนี ในเยอรมนีตะวันออก
ด้วยความที่เธอมีพื้นฐานการศึกษามาด้านสายวิทยาศาสตร์ จึงทำให้กระบวนการทางความคิดของเธอเป็นแนวทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก คือทุกอย่างต้องมีเหตุผล และพิสูจน์ได้
เส้นทางสู่การเมืองของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย เธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกพรรคสหภาพคริสเตียนประชาธิปไตย (CDU) ที่เคร่งศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิก แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิง มาจากเยอรมนีตะวันออก ผ่านการหย่าร้างจากสามี มีการแต่งงานใหม่และไม่มีลูก ทั้งยังนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปแตสแตนท์ จึงทำให้เธอต้องพิสูจน์ฝีมืออย่างหนัก และในที่สุดเธอก็ทำได้สำเร็จ
ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานและเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เธอได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงครอบครัวและผู้หญิง และกระทรวงสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในยุคนั้นก็ว่าได้ และในปี 2000 เธอก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค CDU ซึ่งภายในเวลา 5 ปี เธอสามารถชนะการเลือกตั้ง พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศเยอรมนีในฐานะนายกรัฐมนตรี
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเธอ ก็คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซน ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ถึง 3% ซึ่งนับว่าไม่น้อยสำหรับประเทศเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลกและยังสามารถส่งออกสินค้าได้เป็นอันดับหนึ่งของยุโรป ภาวะการตกงานที่ต่ำ มีอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้น และทำให้เยอรมนีเป็นเสาหลักที่สำคัญในการกอบกู้เศรษฐกิจยุโรป โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีต้องทรุด เธอยังได้รับเลือกเป็นประธานคณะมนตรีแห่งยุโรปในปี 2550 และเป็นประธานกลุ่มประเทศ G8 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอีกด้วย
ถึงแม้ภาพในการทำงานของเธอจะเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง แต่ในชีวิตส่วนตัวแล้ว เธอเป็นผู้หญิงติดดิน เป็นแม่บ้านปกติธรรมดา เดินจ่ายตลาดเหมือนผู้คนทั่วไป ซึ่งทำให้ประชาชนต่างชื่นชมในความไม่เสแสร้งของเธอ และให้ใจไปเต็มๆ ด้วยการเลือกให้เธอเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งติดต่อกันถึง 3 ครั้ง
จากความแข็งแกร่งและเก่งกาจของเธอ ไม่เพียงแต่นิตยสารไทม์เท่านั้นที่ยกย่องให้เป็น บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 2015 นิตยสารฟอร์บส์ยังได้ให้นางอังเกลา แมร์เคิล เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกถึง 3 ปีซ้อนอีกด้วย จึงแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงก็มีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายแต่อย่างใดเลย
ที่มา