สินค้าที่เราใช้กันอยู่ทุกวันกว่า 90% ของแบรนด์ที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมดส่วนใหญ่จะผ่านการโฆษณาตามสื่อต่างๆ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมปัจจุบันรูปแบบการโฆษณาถึงเปลี่ยนไป และมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นมากน้อยแค่ไหน เราเคยคิดกันบ้างไหมว่า โฆษณา ราคาสินค้า เกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมโฆษณาถึงมีผลกับมูลค่าทางการตลาดและเป็นกลายเป็นตัวกำหนดราคาขายของสินค้า
ในโลกของธุรกิจการโฆษณาที่องค์ประกอบที่สำคัญที่นอกเหนือจากคุณภาพ คนจะจดจำรูปแบบสินค้า คุณสมบัติ และวิธีการใช้ รวมถึงความน่าเชื่อถือจากโฆษณามากกว่าคุณภาพดังนั้นเราจึงเห็นการแข่งขันของสินค้าต่างๆผ่านทางโฆษณามากกว่าแข่งขันด้วยคุณภาพ กล่าวให้เห็นภาพง่ายๆคือ แชมพูสระผมที่มีหลายๆยี่ห้อ มักจะใช้ดาราดังๆเป็นตัวเอกของโฆษณายิ่งดังเท่าไหร่หรือมีฐานแฟนคลับมากๆ เจ้าของสินค้าจะเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะใช้ตามดาราที่ตัวเองชื่นชอบ หรือ คนส่วนใหญ่จะคิดว่าดาราคนนั้นใช้จริงๆ หากเราใช้ตามบ้างเราก็จะสวย นี่คือความคิดของเจ้าของสินค้าและคนทำโฆษณาที่มีมานานเพราะคิดว่าผู้บริโภคเชื่อมั่นในตัวโฆษณามากกว่าจะเชื่อในคุณภาพของสินค้าทำให้การแข่งขันของโฆษณานั้นดุเดือดเลือดพล่านอย่างในปัจจุบันและมันก็กลายเป็นผลพวงที่ทำให้มูลค่าของสินค้าต้องเพิ่มขึ้นเพราะค่าโฆษณานั้นแพง คนที่รับกรรมก็คือ คนซื้อสินค้าที่ต้องจ่ายแพงขึ้นนั่นเอง
แต่ในทางกลับกันโฆษณานั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพสินค้าเพราะสินค้าชนิดไหนแบรนด์ไหนที่มีโฆษณาเยอะๆบ่อยๆคนจะชินและจดจำและเลือกใช้เลือกซื้อสินค้านั้นๆ
ซึ่งจะทำมูลค่าการขายของสินค้าจะเพิ่มขึ้นและเมื่อมูลค่าเพิ่มขึ้นการควบคุมคุณภาพต่างๆก็จะพัฒนาขึ้นเพื่อให้สินค้าขึ้นสู่ระดับท๊อปของสินค้าประเภทนั้นๆและกลายเป็นแบรนด์ที่มีคนจดจำ มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าแบรนด์อื่นๆ จุดนี้เองจึงกลายเป็นจุดที่ทำให้ราคาการทำโฆษณาสินค้าแต่ละชิ้นมีราคาสูงนับล้านบาทต่อการทำโฆษณา 1 เรื่อง และนี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้กับสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หรือ สื่อต่างๆเพื่อที่จะโปรโมทโฆษณาตามช่วงเวลาต่างๆอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่จากหลายๆทาง และทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเห็นพอจะนึกออกแล้วใช่ไหมว่าสินค้าแพงขึ้นเพราะอะไร แต่ไม่ใช่เฉพาะสินค้าที่มีโฆษณาเท่านั้นนะที่แพง ปัจจุบันมูลค่าของสินค้าต่างๆเหมือนจะไม่มีกลไกในการขึ้นราคา เช่น ขึ้นเพราะน้ำมันแพง ขึ้นเพราะค่าแรงขึ้น แต่ทุกอย่างในปัจจุบันราคาสินค้านั้นตามใจคนขาย ที่กล้าบอกว่าตามใจคนขายเพราะอะไร
หากคุณลองสังเกตสักนิดคุณจะพบเลยว่าสินค้ามากกว่า 50% ทั้งมีแบรนด์ ไม่มีแบรนด์ มีโฆษณา หรือ ไม่มีโฆษณา สินค้าราคาแทบไม่ต่างกันเลยถูกหรือแพงต่างกันไม่กี่บาท ยกตัวอย่างง่ายๆคุณลองเดินไปตามชั้นวางสินค้าในห้างสรรพสินค้ายกตัวอย่างง่ายๆ แป้งทาตัว คุณลองมองที่ชั้นวางมีแป้งอยู่กี่แบรนด์ มีแบรนด์ไหนที่ออกทีวีบ่อยๆ มีแบรนด์ไหนที่ไม่ค่อยเห็นในทีวี แล้วคุณลองดูว่าราคามันต่างกันไหม ไม่นับโปรโมชั่นลดราคานะเอาราคาจริงๆก่อนลด แล้วคุณจะเห็นว่ามันจริงเหมือนที่เราบอกคุณไหมว่าราคาสินค้าปัจจุบันนั้นตามใจผู้ขายจริงๆ บางแบรนด์มีโฆษณาในอินเตอร์เน็ตเป็นไวรัลมาร์เก็ตติ้ง หรือการโฆษณาแบบปากต่อปากคือมีคนพูดถึงเยอะ มีรีวิวแยะทำให้ผู้คนสนใจอยากซื้อมาใช้และการกำหนดราคาผู้ขายผู้ผลิตก็คิดราคาไปตามกลไกตลาดแม้จะไม่มีการโฆษณาตามสื่อหลักแต่ราคาก็ต้องแพงเพื่อให้ดูเป็นสินค้ามีคุณภาพ
อ่านเพิ่มเติม >> พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ ตั้งราคาสินค้า ยังไงได้กำไรดี <<
จากการสังเกตการณ์เวลาที่ไปเดินซื้อสินค้า หรือดูโฆษณาสินค้าต่างๆทำให้เห็นได้ชัดว่าปัจจัยของราคาสินค้านั้นการโฆษณาก็มีส่วนทำให้ราคาสินค้านั้นมีราคาแพงขึ้นแม้จะเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็ตามเพราะจริงๆยังมีปัจจัยอื่นๆเช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าขนส่ง ซึ่งจะเป็นตัวหลักในการกำหนดราคาและทิศทางของการผลิตสินค้า และเราผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาสินค้าที่เราต้องซื้อกิน ซื้อใช้ เราก็ต้องมีวิธีการรับมือกับราคาสินค้าที่แพงเกินจริง หรือแพงเกินคุณภาพ
ด้วยการคิดก่อนซื้อ การเปรียบเทียบปริมาณ คุณภาพ ราคาของสินค้าแต่ละแบรนด์ หรือแม้แต่การเลือกซื้อตามโปรโมชั่นลดราคา เพื่อให้เราประหยัดและได้ของที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณที่สำคัญคือซื้อแล้วเราใช้ได้จริงๆไม่ได้ซื้อมาเก็บ หรือซื้อมาแล้วต้องผิดหวังกับคุณภาพเพราะซื้อตามคำโฆษณาที่มักโอ้อวดเกินจริง