หน้าหนาวสำหรับประเทศไทยเรียกได้ว่าไม่ค่อยมีดีกว่า เพราะประเทศไทยมีอุณหภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส แต่ว่าอุณหภูมิจะเย็นลงกว่าเดิมนิดหน่อย โดยส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 20 – 25 องศาเซลเซียส ในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนฤดูจะมีคนป่วยเยอะ เวลาเราออกมาทำงานข้างนอกก็จะนำเชื้อหวัดเข้าบ้านได้ เมื่อเรากลับบ้านจึงต้องรีบล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด และถ้าจะให้ดีรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าของเราเป็นตัวนำเชื้อโรคอย่างดี รวมทั้งเมื่อลูกน้อยของเราออกไปเที่ยวนอกบ้านให้ลูกล้างมือด้วยสบู่และเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ช่วยได้มาก เพราะเมื่อถ้าเด็กน้อยป่วยแล้วคนที่เหนื่อยคือคุณแม่คุณพ่อที่ต้องค่อยดูแล เด็กน้อยจะไม่ได้นอนเท่าไหร่ และผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็จะไม่ได้นอนและเหนื่อยไปด้วย อีกอย่างเมื่อเด็กป่วยแล้วสิ่งที่ตามมาคือค่ารักษาที่มีราคาแพง
ผู้เขียนมีไอเดียที่ป้องกันโรคหวัดคร่าว ๆ ให้กับลูกน้อยดังนี้
- ระวังเรื่องความเย็นที่กระทบบริเวณกระหม่อม ท้อง และเท้า
สามจุดนี้เป็นจุดที่เด็กน้อยอ่อนแอเมื่อกระทบความเย็นของอากาศ ดังนั้นเมื่อต้องอยู่ห้องปรับอากาศ ควรป้องกันด้วยการใส่เสื้อคลุม ถุงเท้า หรือหมวกไว้ เมื่ออุ่นแล้วเด็ก ๆ จะไม่มีอาการจาม ไอ หรือน้ำมูกไหล ป้องกันไว้ดีกว่า แต่ถ้าเขานอนห่มผ้าก็ไม่ต้องห่มผ้าหนาจนเกินไปถ้าใส่เสื้อแขนยาวหรือถุงเท้าแล้ว ระวังไม่ให้เครื่องปรับอากาศปล่อยลมโดนตัว
- พยายามล้างมือเด็กน้อยบ่อย ๆ
เมื่อเด็กน้อยอยู่ข้างนอก ถ้าไปสัมผัสของเล่นที่สนามเด็กเล่นเด็กอาจจะติดเชื้อหวัดหรือเชื้อโรคมือปากเท้าเปื่อยได้ ดังนั้นเมื่อเล่นเสร็จแล้วควรรีบพาเด็กน้อยไปล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงการติดโรค อีกทั้งขณะที่เราล้างมือเด็กน้อย เราก็จะได้ล้างมือของเราอีกด้วย เพราะมือเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและเด็ก ๆ ก็มักจะเผลอนำเข้าปากเสมอ
- ให้รับประทานน้ำส้มทุกวัน
เป็นที่รู้กันดีว่าผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างน้ำส้ม เด็ก ๆ จะชื่นชอบกินอย่างมาก ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ควรกินฝรั่ง สัปปะรด สตรอเบอรี่ และมะเขือเทศ ผลไม้มีข้อดีที่กินแล้วิตามินซียังอยู่โดยไม่ต้องผ่านความร้อนเหมือนผักที่ต้องนำไปผัดผ่านความร้อน โดยเทคนิคควรเลือกส้มที่ไม่เปรี้ยว ให้มีรสชาติอมหวานเข้าไว้ คั้นและใส่แก้วหลอดดูด เด็ก ๆ จะชื่นชอบเป็นอย่างมากสำหรับน้ำส้มคั้นสด ๆ แต่ควรนำออกมาจากตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพราะเด็กน้อยไม่ควรกินน้ำเย็นเกินไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ ควรกินน้ำส้มที่ไม่เย็นและเป็นอุณหภูมิห้อง
- พยายามหลีกเลี่ยงไปที่ชุมชน หรือเดินหนีคนที่ไอ
ในยุคปัจจุบันคงหลีกเลี่ยงยากที่จะให้เด็กน้อยอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่เองก็อยากจะออกไปผ่อนคลายข้างนอกด้วยเช่นกันหลังจากเลี้ยงลูกมาทั้งวัน แต่การพาไปข้างนอกก็ต้องไปเจอเชื้อโรคได้ ดังนั้นสิ่งที่จะป้องกันได้คือการไม่อยู่ใกล้คนที่ไอ หรือ จาม อาจจะรีบเดินหนีไป และต้องระวังไม่ให้คนแปลกหน้ามาอุ้มหรือหอมแก้มลูกน้อย อาจจะใช้เหตุผลว่าลูกเราไม่สบาย (ถึงแม้ว่าจะสบายดี) เดี๋ยวคุณจะติดหวัดนะคะ
นอกจากนี้ถ้าต้องไปพบปะเด็ก ๆ ด้วยกันที่ป่วยก็ควรหลีกเลี่ยง เช่นที่เรียนพิเศษต่าง ๆ ควรหยุดเรียนไปก่อน เพราะการคลุกคลีกับเด็กที่ป่วยจะทำให้เชื่อแพร่กระจายติดต่อกันเร็วมาก วิธีที่จะหยุดคือ งดเจอดีที่สุด
การป้องกันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าป่วยแล้ว มีไข้ขึ้น ไอ จามน้ำมูกไหล ควรพาไปหาหมอ เพราะเด็ก ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะรุนแรงมาก ค่าใช้จ่ายก็จะสูงมากถ้าไม่ได้ทำประกันและต้องนอนพักที่โรงพยาบาล จะเห็นได้ว่าพ่อแม่หลายคนได้ซื้อประกันไว้ให้เด็ก เพราะเป็นการซื้อความเสี่ยงไปในตัว ขอแนะนำแบบ OPD และ IPD รวมกัน เพราะเด็ก ๆ บางทีก็ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายแบบกลับบ้านใกล้เคียง 2,000 บาทต่อครั้ง และอาจจะต้องหาหลายครั้ง รวม ๆ กันก็เกือบหมื่นได้ ประกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กเล็กที่อายุ 1 ขวบ เพราะหลายคนได้หยุดนมแม่แล้วภูมิคุ้มกันจากนมแม่ก็จะไม่มี ดังนั้นขอแนะนำให้ซื้อไว้ เพราะเด็ก ๆ ป่วยบ่อยอีกทั้งอยู่ในช่วงหัดเดินอาจจะเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ประกันเด็กควรทำหรือไม่? เหตุใดจ่ายเบี้ยแพงแต่จำเป็นต้องทำ