ก้าวสู่ความสำเร็จด้วยหลักปรัชญาแห่งชีวิต

ความสำเร็จเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการและมีการตามหา ค้นคว้า และวิเคราะห์เพื่อให้ได้มาซึ่งวิธีการของความสำเร็จ ซึ่งในมนุษย์แต่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่ต้องการความสำเร็จในชีวิต ในบางคนก็อาจจะทำได้เร็วและบางคนก็อาจจะช้า หรือไม่ก็ไม่เคยผ่านเรื่องราวของการประสบความสำเร็จมาเลยก็มีเช่นกัน และการใช้ชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จบางคนก็มักจะพูดถึงหลักปรัชญาในการทำให้เกิดเป็นความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัว เพราะด้วยความที่คนเราทุกคนต่างก็ต้องการความสำเร็จ และพยายามที่จะมุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จนั้น ซึ่งก็อาจจะดูว่ายาวไกลไม่มีวันจบสิ้น แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาความสามารถและความคิดของตัวเอง พยายามหาหลักปรัชญาส่วนตัวที่จะช่วยให้เกิดเป็นความสำเร็จในชีวิตได้อย่างดีที่สุด ทั้งยังสามารถที่จะเป็นกำไรใจให้ตัวเองได้ก้าวตามไปอย่างไม่มีวันท้อถอยอีกด้วย

ผู้ที่ถือว่าเป็นปราชญ์ในโลกตะวันตกและตะวันออกได้มีการกล่าวถึงเคล็ดลับของการประสบความสำเร็จที่ผู้คนทุกคนบนโลกควรที่จะได้รับรู้เอาไว้หรือได้เรียนรู้เพื่อที่จะเข้าใจต่อหลักของการประสบความความสำเร็จที่มากขึ้น โดยมีการนำเอามาลงและวิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจในเพจของ Facebook เกี่ยวกับหลักปรัชญาที่เกี่ยวเนื่องกับความสำเร็จและรวมไปด้วยหลักศาสนาที่สามารถเข้ากันได้อย่างลงตัวที่สุดในเพจ https://www.facebook.com/notes/พระจิตรกร-วิสุทฺโธ/ปรัชญาชีวิตศาสตร์แห่งความสำเร็จ/536692163102143/ ที่มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ นำมาเล่าสู่กันฟัง อย่างเช่น

• การเข้าใจต่อความคิดของตนเองอย่างชัดเจน

จุดเริ่มต้นที่จะทำให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จได้ดีนั่น ก็คือความคิด มีทั้งผลการวิจัยจากต่างประเทศและแม้แต่หลักการทางศาสนาก็กล่าวไปในทางเดียวกันว่า สิ่งที่สำคัญและทรงพลังมากที่สุดของมนุษย์นั่นก็คือความคิด มนุษย์สามารถที่จะมีแรงผลักดันในชีวิตจากจินตนาการที่มีอยู่ เรื่องบางเรื่องที่ดูไม่น่าเป็นจริง แต่ด้วยพลังความคิดที่แรงกล้าก็สามารถสรรสร้างให้ออกมาเป็นจริงได้เสมอ อย่างการประดิษฐ์หลอดไฟของโทมัส เอดิสัน ที่มาจากจินตนาการที่ต้องการให้ทุกบ้านมีแสงไฟ ก็ต้องผ่านการดูถูกและว่ากล่าวว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่สุดท้ายจินตนาการที่มาพร้อมความเพียรพยายาม ก็กลายมาสู่ความจริงที่ทำให้ผู้คนได้ใช้ประโยชน์หลอดไฟนี้มาจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นจงอย่าดูถูก ดูแคลนตัวเองเด็ดขาด และจงเชื่อมั่นและทำความเข้าใจต่อความคิดของตัวเองให้ชัดเจน แล้วลงมือทำ พลังจากความคิดและจินตนาการก็จะสามารถพาไปสู่ความสำเร็จได้อย่างดีที่สุด

• การสร้างเป้าหมายให้กับชีวิตของตนเอง

ยิ่งเร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี การเดินทางต้องมีแผนที่และเข็มทิศ การสร้างบ้านต้องมีแบบแปลนพิมพ์เขียว การใช้ชีวิตก็ยิ่งกว่า ถ้าไม่มีการวางเป้าหมาย ทุกอย่างจะดูไร้ทิศทางเหมือนวัตถุลอยน้ำที่ไปที่ไหนก็ที่นั่น ไม่มีการวางแผน ไม่มีเป้าหมาย ก็ทำให้ชีวิตเหมือนอยู่ไปวัน ๆ ขาดพลังและแรงกระตุ้นในการทำวัตถุประสงค์ให้สำเร็จ นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าตั้งเป้าหมายแล้วจะสำเร็จเลย แต่ต้องมีการทบทวนหรือถามตัวเองอยู่ตลอดว่าที่ทำอยู่น่ะ มันใช่ทางที่ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ต้องปรับแต่งทางไปเรื่อย ๆ ไม่ต่างอะไรจากการควบคุมทิศทางของเรือ

• ขวนขวายหาความรู้อย่างต่อเนื่อง

การเรียนรู้ของมนุษย์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเป็นเส้นทางแห่งการประสบความสำเร็จอยู่เสมอ ซึ่งในความความรู้ที่เชี่ยวชาญและชำนาญมา ทั้งแบบที่เรียนมาหรือฝึกฝนมาเป็นเวลายาวนาน ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สามารถเอามาทำงาน และทำให้เกิดผลงานที่ดีกว่าคนทั่วไป และสามารถที่จะทำได้ดีกว่าจนโดดเด่น และการผ่านปัญหานานาชนิดที่พร้อมจะนำเอาประสบการณ์ที่เผชิญ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อที่จะหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีหรือมีการเตรียมแผนเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรับมือได้อย่างดีที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสนั่นเอง

• เมื่อคิดได้แล้วก็ต้องเริ่มลงมือทำด้วยความเพียร

ก่อนทำต้องคิดให้ชัดเจน พร้อมทั้งคิดแบบเป็นขั้นตอน เมื่อลงมือทำก็ให้ทำกันไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อที่จะสามารถหลุดพ้นไปจากรูปแบบเดิม และสร้างสรรค์เอาสิ่งใหม่ ๆ ออกมา ทั้งยังต้องมีความอดทนและความพยายามอย่างเต็มกำลัง เพราะในบางครั้งการที่จะสร้างอะไรสักอย่างด้วยมือของตัวเองให้สำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ อย่างเช่น ในการทำธุรกิจที่บางธุรกิจอาจจะมีการเติบโตที่ช้ากว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจจึงต้องมีความอดทนที่มากพอ ที่จะรอเห็นดอกและผลที่งอกเงยออกมา ถ้าย่อท้อไปก่อนที่จะได้เห็นผลแล้วล้มเลิกก็คงจะไม่คุ้มค่าต่อทุนและเวลาเสียไป เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตที่มีเป้าหมายและมาพร้อมกับความอดทนจะช่วยทำให้เห็นผลที่คุ้มค่ามากกว่าเดิม โดยสามารถที่จะเน้นให้ตัวเองเห็นเป้าหมายหลักก่อนในทุกครั้ง ๆ ที่เกิดความรู้สึกย่อท้อ จะได้มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง

• 1+1 มากกว่า 2

มีการใช้คำศัพท์ “อภิจิต” หรือ Master Mind สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการผสานต่อยอดองค์ความรู้ระหว่างคนสองคนขึ้นไป เช่น ในรูปของกลุ่ม เช่น กลุ่มเพื่อนทำรายงาน กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มนักวิจัย กลุ่มองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่มีการระดมสมอง แลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้ใหม่ที่ยากที่จะเลียนแบบได้ ผู้เขียนนึกถึงการก่อร่างสร้างธุรกิจของ Google ที่เกิดจากคนเก่ง 2 คนมารวมตัวกันและขยายอีกเป็นร้อยถึงพันคน หรือการร่วมมือส่งยานไปลงบนพื้นผิวดาวอังคารได้ สิ่งเหล่านี้เกิดจากภูมิปัญญาร่วมทั้งนั้น เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า หนึ่งคนหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนสบาย

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น การตัดสินใจที่ดี ฉับไว การรู้จักนำเอาประสาทสัมผัสทั้ง 6  คือ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ความรู้ที่เกิดขึ้นมาเอง มีการนำเอาเรื่องของการทำสมาธิและการรู้สติ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำและความรู้ที่เกิดมาจากภายในโดยที่ไม่มีใครต้องบอก โดยการใช้ปรัชญาเหล่านี้จะต้องมีการศึกษารายละเอียดและใส่ใจต่อทุกขั้นตอน  ซึ่งจะทำให้คนเราสามารถพัฒนาตนเองให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด