มนุษย์เงินเดือนหลายคนมักเกิดอาการติดหล่มความสบายที่จะทำงานในออฟฟิศ จบเดือนก็รับเงิน หากรู้จักดูแลจัดสรรบริหารเงินหน่อยก็สามารถมีอยู่มีกินได้สบาย ๆ เพียงแต่ถ้าจะหวังรวยมีอิสระทั้งเวลาและเงินนั้น คงมีน้อยรายที่จะทำได้สำเร็จ ถึงขณะนี้หลายคนอาจเถียงบอกว่าตัวเองเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานหนักมาก เครียดมาก กลับบ้านสี่ห้าทุ่มทุกวัน แถมเสาร์อาทิตย์ยังต้องหอบงานกลับมาทำอีก ถ้าเครียดกับงานก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเครียดกับเงินที่ใช้ไม่พอ ก็อย่าได้โปรดเอาไปคิดรวมกัน เพราะเป็นคนละประเด็น ยิ่งปัจจุบันทุกธุรกิจมีการแข่งขันที่สูงมาก จึงกดดันให้พนักงานทั้งในระดับ working level และระดับผู้บริหารระดับกลางมีความกดดันกับปริมาณงานที่ทำเท่าไหร่ก็เหมือนไม่มีวันหมด ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปก็เครียดกับเรื่องตัวเลขและหาทางออกให้กับธุรกิจ หากมนุษย์เงินเดือนไม่รู้จัดปล่อยวางบ้างอาจป่วยได้ไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
แต่หากได้ลองมาเป็นเถ้าแก่ชนิดที่เป็น Self Employed ก็จะรู้ว่า ที่ว่าเครียดที่ว่าหนักในการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นเทียบไม่ได้เลย งานของเท่าแก่นั้นทำ 24 ชม. แถมยังเครียดหนักเพราะปัญหาที่ร้อยแปดพันประการทั้งใหญ่เล็กรอให้เราคนเดียวเป็นผู้ตัดสินใจแก้ปัญหา ถ้าทักษะการเป็นผู้นำและความเป็นผู้ประกอบการไม่มีอยู่ในตัวแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าหนักมากแน่ อย่างที่เคยทราบกันมาบ้างว่าคุณลักษณะ 2 ประการที่ไม่สามารถสอนกันได้แต่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยนั่นคือ
- ความเป็นผู้นำ
- ความเป็น Entrepreneurship หรือความเป็นผู้ประกอบการ
เราอาจเรียนรู้ทักษะบางอย่างและนำมาใช้ได้ แต่การจะเก่งและประสบความสำเร็จต่างต้องพึ่งคุณลักษณะทั้งสองอยู่พอสมควรเลย
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหากเราไม่มีคุณสมบัติทั้งสองเราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ ความกล้าที่จะเรียนรู้และลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น ต่างก็เป็นปัจจัยที่สำคัญให้ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้กัน แท้จริงแล้วเราอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรามีคุณสมบัติอะไรบ้าง แต่ถ้ามุ่งมั่น พยายาม ก็สามารถไปถึงฝั่งฝันได้เช่นกัน
อ้างอิงจากกระทู้ http://pantip.com/topic/35611782 เจ้าของกระทู้มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในรูปกองทุนรวม 60% TMBME 30% หุ้น 5% และสลากออมสิน 5% บ้านเช่า 2 หลัง ซึ่งทั้งสองหลังยังไม่ปลอดหนี้ เหลือเงินต้นอีกนิดหน่อยปัจจุบันเป็นพนักงานประจำและกำลังเบื่อกับการเป็นพนักงานออฟฟิศเพราะต้องทำงานร่วมกับการแบ่งพรรคแบ่งพวก และมีดราม่าในออฟฟิศบ่อยครั้ง อยากจะลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองตามความฝัน
จากข้อมูลที่ให้มาพอจะอนุมานได้ว่าเจ้าของกระทู้มีวินัยทางการเงินพอสมควร ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่ามีอายุเท่าไหร่ แต่การจัดสรรแบ่งเงินออม รวมถึงการเพิ่มแหล่งรายได้จากการผ่อนบ้านให้คนเช่าทำให้เรารู้ว่าเจ้าของกระทู้นอกจากมีวินัยทางการเงินแล้ว ยังรู้จักจัดสรรรายได้และมีการวางแผนทางการเงินไว้บ้าง พอทำงานถึงจุด ๆ หนึ่งก็รู้สึกตัวเองอยากจะมีอิสระหลุดพ้นจากโลกของงานประจำ
ก่อนอื่นให้พิจารณาตัวเองก่อนว่า เราเข้าข่ายเป็นบุคคลที่พร้อมจะออกมาทำอะไรเองได้หรือไม่ นั่นคือ ประเมินตัวเองแล้วว่ามีความเป็นผู้ประกอบการบ้าง มีทักษะการเป็นผู้นำด้วย รวมถึงสั่งสมความรู้ความสามารถในการออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจที่คิดจะทำแล้วจริงหรือไม่ ตัวเองเข้าไปอยู่ในตลาดและรู้จักตลาดมากพอแท้จริงแล้วหรือยัง คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ สามารถบอกได้ตั้งแต่พูดคุยกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ำ หลายคนไม่รู้ตลาดที่ตัวเองกำลังกระโดดลงไปเล่นเลย เอาเงินที่สะสมมาทั้งชีวิตไปต่อท่อให้กับคู่แข่งเสียเสียอย่างนั้น หากประเมินตัวเองแล้วว่าไม่มีความรู้และไม่รู้จริง ห้ามทำเด็ดขาด
ถ้ามั่นใจว่าศึกษามาพอสมควร จากหน้ากระดาษ ให้หาประสบการณ์ตรงจากผู้มีประสบการณ์ทางธุรกิจ หาให้ได้ว่าจุดแข็งของโมเดลธุรกิจที่เราวาดหวังว่าเราจะเดินตามแบบนั้นคืออะไร หากรู้จุดแข็งของธุรกิจนั้นแล้ว โอกาสในการทำธุรกิจให้เจ๊งนั้นถูกตัดไปแล้วกว่าครึ่ง หากยังหาจุดแข็งไม่ได้ ห้ามทำ
เมื่อมั่นใจให้วางแผนการเงินให้เหมาะ เพราะเงินของเจ้าของกระทู้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของกองทุนซึ่งมีระยะเวลาในการไถ่ถอน ทำ feasibility หลาย ๆ แบบ ถ้ามั่นใจมากก็เอา feas นั้นมาคูณ 100% แต่ถ้ามั่นใจแค่ 70% ก็คูณด้วย 70% จะได้รู้ว่าที่ 70% นั้น feasibility ยังจะผ่านอยู่หรือไม่
นำ feasibility และแผนในหัวร่างลงกระดาษให้เข้าใจง่ายที่สุด 1 แผ่น แล้วไปหาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ที่เรารู้จัก หากไม่มี ให้ทำทีว่าจะไปกู้แบงค์ แล้วตรงดิ่งเข้าไปหาผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อด้วยความมั่นใจทันที เล่าแผนและขอคำแนะนำ รวมถึงสังเกตอาการท่าทีของผู้จัดการเงินกู้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้มีประสบการณ์มาก มองปราดเดียวก็พอรู้ว่ารอดหรือไม่รอด ทางที่ดีควรบอกสิณทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ที่ต่ำ ๆ ไว้ก่อน เพื่อตัดปัจจัยจากการหวังทำกำไรจากการได้สินทรัพย์นั้นในกรณีธุรกิจล่ม
อ่านเพิ่มเติม : 5 สิ่งที่คุณต้องมีก่อนคิด ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว
การทำธุรกิจของตัวเองนั้น มีหลายแบบ หลาย scale แต่ละแบบ แต่ละ scale ใช้เงินลงทุนที่ถูกต้องของมัน หลายคนลงเงินไปมากกว่าที่ scale ธุรกิจนั้นควรจะเป็น เรียกว่าลงทุนแพง เสียเงินเปล่า ควรลงสองแสน แต่ใส่ไปสี่แสน บางธุรกิจต้องลงทุนล้าน หากประหยัดลงแค่เก้าแสนอาจถึงขั้นทำให้ธุรกิจไม่ถึงฝันได้ ต้องไม่ลืมว่าการทำงานในออฟฟิศก็ต้องเรียนรู้ศิลปะในการอยู่รอด การทำธุรกิจของตนเองยิ่งต้องมีศิลปะในการอยู่รอด แต่ละคนมีวิธีแตกต่างกัน หากมั่นใจ ก็ให้ลุยทันที การรอเมื่อพร้อมนั้น ส่วนใหญ่ถูกเวลาพัดกลบความฝันไปเสียก่อน ขอให้เริ่มแบบพอตัว เรียนรู้และลุยอย่างฉลาดก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้แน่นอน