เชื่อว่าไม่มีใครในประเทศไทยที่จะไม่รู้จักผู้หญิงที่ชื่อว่า “เจ๊เล้ง” อย่างแน่นอน เพราะเธอเป็นผู้บุกเบิกในการนำสินค้าจากต่างประเทศหิ้วมาขายให้กับคนไทยในยุคเมื่อ 30 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องสำอางที่เป็นที่นิยมและขายดีมาก แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นธุรกิจของเจ๊เล้งจะถูกมองว่าเป็นการนำสินค้าหนีภาษีมาขาย แต่ในยุคหลัง ๆ มา เจ๊เล้งก็ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของธุรกิจให้กลายมาเป็นธุรกิจที่มีแบบแผนและถูกต้องตามกฎระเบียบมากขึ้น จนถึงปัจจุบันร้านเจ๊เล้งมีสินค้าในหมวดหมู่ที่หลากหลาย ราคาไม่แพง และขายดีมาก ๆ จนธุรกิจของเจ๊เล้งกลายเป็นอาณาจักรที่สร้างรายได้มหาศาลเป็นกอบเป็นกำให้กับเธอและครอบครัว
ข่าวล่าสุดที่เราได้ยินกันเกี่ยวกับเจ๊เล้ง หรือ อารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร ก็คือ เรื่องการหย่าขาดจากสามี โดยเธอยอมจ่ายเงินจำนวนสูงถึง 700 ล้านบาท เพื่อแลกกับใบหย่า เจ๊เล้งได้ให้สัมภาษณ์ว่ามีปัญหาชีวิตคู่มานานแล้ว เชื่อว่าคุ้มที่จะจ่ายเงินก้อนนี้เพื่อหย่าขาดให้ปัญหาต่าง ๆ จบไป โดยยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่าเงินจำนวนนี้อีกไม่นานก็หาใหม่ได้ และเธอก็หันหน้ายืดอกทำธุรกิจที่สร้างมากับมือต่อไป สามีของเจ๊เล้ง ก่อนหน้านี้ได้ลาออกจากการทำงานในธนาคารกรุงเทพ เพื่อมาช่วยธุรกิจของเจ๊เล้งอย่างเต็มตัว โดยถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเปลี่ยนโฉมของธุรกิจที่ดูจะเป็นสีเทา ๆ จากสินค้าหนีภาษี มาเป็นธุรกิจที่ถูกต้อง และมีการวางแผนจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบและมีแบบแผนจนถึงปัจจุบัน
เจ๊เล้ง ผู้หญิงที่เรียนจบแค่ ป. 4 ปัจจุบันในวัย 73 ปี ถือว่าเดินทางมาถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิตที่สุดแล้วก็ว่าได้ แม้ว่าจะไม่ถึงกับรามือจากธุรกิจที่เธอเป็นผู้ก่อตั้ง แต่เธอก็เริ่มปล่อยให้ลูก ๆ เข้ามาดูแลกิจการโดยเจ๊เล้งจะคอยเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลอีกที เจ๊เล้งมักพูดอยู่เสมอในทุก ๆ รายการที่ให้สัมภาษณ์ว่าเกิดเป็นคนต้องทำงาน เธอเองก็เหมือนกัน ถ้าไม่ทำงานก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะนั่งรอให้พระอาทิตย์ตกแล้วก็พระจันทร์ขึ้นไปวัน ๆ อย่างนั้นหรือ ไปทำงาน ทำอะไรให้เป็นประโยชน์จะดีกว่า
ในฐานะของแม่นั้น ต้องบอกเลยว่า อารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร หรือ เจ๊เล้ง ถือเป็น working mom ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งก็ว่าได้ เจ๊เล้งเล่าไว้ว่าแม้จะเห็นเธอทำงานหนักตลอดที่ผ่านมา บางวันมีเวลานอนแค่ 2 ชั่วโมง แต่เธอก็จะแบ่งเวลาดูแลลูก ไม่มีการตามใจ ต้องควบคุม และด้วยความที่เรียนน้อย เลยอยากให้ลูกเรียนสูง ๆ ส่วนตัวเองก็เรียนรู้ไปพร้อมกับลูก ๆ เรื่องเงินสำคัญมาก จะสอนให้ลูกรู้จักเรื่องบริหารเงินตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ให้เงินลูกเป็นรายเดือนไปบริหารกันเอง ในระหว่างนั้นจะไม่มีการมาขอเงินเพิ่มเด็ดขาด ลูกทุกคนรู้กฎนี้ดี
เรื่องลูกที่ภูมิใจก็คือลูก ๆ ทุกคนเรียนดี แม้จะไม่ได้เรียนเก่งหรือสอบได้ที่ 1 แต่ทุกคนทำได้ไม่ทำให้แม่ต้องผิดหวัง เวลาอยู่โรงเรียนจะมีเพื่อนแซวว่าเป็นลูกคนรวย ซึ่งลูก ๆ ก็จะอธิบายเพื่อนไปว่าเขาไม่ได้รวย แต่เป็นพ่อแม่เขาที่รวยมากกว่า สไตล์ทำงานแบบเจ๊เล้ง ที่ไม่เน้นคำพูดที่ดี แต่เน้นการกระทำที่ดี เน้นผลสำเร็จของการทำงาน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ลูกซึมซับทุกคน
และเป็นเรื่องธรรมดาของเด็ก ๆ ที่จะต้องออกนอกกรอบกันบ้าง แม่ก็จะคอยเตือน โดยบอกว่าแม่ต้องเหนื่อย นอนแค่วันละ 2 ชั่วโมงแบบนี้ รู้ไหมว่าทำเพื่อใคร พอพูดแบบนี้ลูก ๆ ก็จะเข้าใจ คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเจ๊เล้งขายของแบรนด์เนม ดังนั้นลูก ๆ จะต้องมีของแบรนด์เนมใช้มากมาย ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เจ๊เล้งจะมีกระเป๋าแบรนด์เนม และนาฬิกาแบรนด์เนมราคาแพงอย่างละชิ้นเท่านั้น แล้วให้ลูก ๆ แบ่งกันใช้ ไปจัดสรรกันว่าใครจะใช้อะไรวันไหน
เจ๊เล้งจะสอนลูกและสอนลูกน้องอยู่เสมอว่าพอมีเงินอย่าเพิ่งรีบเอาไปซื้อบ้านหรือซื้อรถ เพราะนั่นคือการเริ่มเป็นหนี้ ควรทำทุกอย่างให้พอเหมาะกับชีวิตของเรา ให้พร้อมก่อนแล้วค่อยมีดีกว่า และเธอยืนยันในความคิดที่ว่า คนขยันจะไม่อดตาย เพราะตัวเธอเป็นคนที่ทำงานหนัก และทำมาตลอดไม่เคยหยุด สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ๊เล้งจะประหยัดอดออมและไม่ฟุ่มเฟือยใช้เงินเกินฐานะ ไม่หลงไปกับวัตถุ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของคุณแม่ที่ดีที่ลูก ๆ จะเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้ และที่สำคัญทำให้เราเรียกเจ๊เล้งได้อย่างเต็มปากว่าเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน ประสบความสำเร็จทั้งในธุรกิจ และชีวิตครอบครัวความเป็นแม่นั่นเอง
ไม่เพียงขยันและรู้จักอดออมเท่านั้น เจ๊เล้งแม้จะอยู่ในวัย 73 ปีแล้ว แต่ก็เปิดกว้างสำหรับไอเดียใหม่ ๆ ทางธุรกิจ ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ มีการปรับธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ของโลกปัจจุบันอยู่เสมอ มีการจ้างทีมงานทำการตลาดทั้งแบบเดิมที่เคยทำมา และทางออนไลน์ด้วย เจ๊เล้งเรียนรู้ความคิดใหม่ ๆ จากเด็กรุ่นใหม่ซึ่งก็คือลูกและกลุ่มเพื่อน ๆ ของลูก และนำมาปรับใช้กับธุรกิจ มีการให้รีวิวสินค้าของเจ๊เล้งทางออนไลน์ มีการพัฒนารูปแบบของบัตรสมาชิกเพื่อสะสมแต้ม สิ่งเหล่านี้ที่จะเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเจ๊เล้งในฐานะของ Working Mom ไปได้อีกนานเลยล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูล