อสังหาฯ สิงคโปร์ ในปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบปัญหามาอย่างหนักจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ที่นักธุรกิจอสังหาฯ กลับโดนหลอกด้วยภาพรวมเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ที่กลับเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตและสดใสกว่า 9% จึงทำให้เกิดการลงทุนในกลุ่มของอาคารสำนักงานที่มากขึ้นจนกลายเป็นสภาวะล้นตลาด ซึ่งมีการกล่าวกันถึงเรื่องนี้ในเว็บไซต์ชื่อดังตามกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/34759640 ทำให้บรรดาผู้ผลิตสำนักงานให้เช่าทั้งหลายที่อยู่ในทำเลกลางเมืองพากันลดราคาลงอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นเรื่องของการแข่งขันทางคุณภาพที่ก่อให้เกิดช่องว่าง โดยที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่พากันย้ายไปอยู่สำนักงานที่ใหม่กลางเมือง ที่มีราคาที่ราคาถูกและมีทำเลทองย่านการค้าและธุรกิจสามารถอำนวยความสะดวกในด้านของการติดต่อ สื่อสารและการเดินทางที่สะดวกยิ่งกว่า
แม้กระทั่งบริษัทใหญ่ ๆ ของสิงคโปร์ก็พากันย้ายสำนักงานมายังตึกใหม่ที่มีทำเลที่ดีกว่าเดิม จึงกลายเป็นว่าตึกเก่าที่เคยมีผู้ซื้อหรือเช่าและตึกอาคารสำนักงานต่าง ๆ ที่กำลังสร้างใหม่ แต่อยู่ทำเลนอกเมืองนั้นกลับถูกทิ้งร้างไว้มากขึ้น จะทำให้เกิดเป็นสภาวะชะลอตัวโดยเฉพาะในภาคธุรกิจการเงินและการธนาคารระหว่างประเทศ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ของทางสำนักงานในสิงคโปร์ ก็มีแนวโน้มไม่ขยายธุรกิจต่อ ซึ่งทางบาเคลย์ที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ของทางสหราชอาณาจักรเองก็กำลังจะมีการลดอัตราการจ้างงานในฝั่งทวีปเอเชียลงอีกด้วย
ในขณะนี้ทางสิงคโปร์จึงประสบสภาวะอสังหาริมทรัพย์ล้นเกินความจำเป็นที่เกิดมาจากการที่ทางภาครัฐ ไม่มีการควบคุมตลาดการสร้างอาคารสำนักงาน มีการปล่อยให้สร้างจนมากเกินความจำเป็นประกอบกับลูกค้าผู้เช่าสำนักงานรายใหญ่ ๆ ก็พากันควบรวมกิจการและลดขนาดให้เล็กลง จึงมีความต้องการให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมการใช้พื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนที่มากเกินไป
เพราะฉะนั้นในภาคของนักธุรกิจไทยยังคงต้องมีการระมัดระวังการเข้าลงทุนในหุ้นของอสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์ไว้ให้ดี หรืออาจจะต้องมีการชะลอการลงทุนไว้ก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไปจนกว่าจะถึงปลายปี และรอดูว่ารัฐบาลของสิงคโปร์จะเข้ามาแทรกแซงและมีมาตรการอะไรเข้ามากระตุ้นให้ปัญหาเหล่านี้ดีขึ้น ซึ่งถ้ามองมาถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ของทางประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าสวนทางกันเพราะตลาดอสังหาฯ ของไทยกลับสดใสและขับเคลื่อนกันมาอย่างเต็มที่ด้วยนโยบายของภาครัฐ ทั้งเรื่องการประกาศเพิ่มสินเชื่อของทาง ธอส. และมีการอัดมาตรการกระตุ้นการสนับสนุนเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยของผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งยังมีการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง และยังมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ครอบคลุมทั้งภาคการเงินและการคลังที่เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ก่อนถึงโค้งสุดท้ายของไตรมาส 3 เมื่อสิ้นปี ทำให้ภาคอสังหาฯ ของไทยมีบรรยากาศที่สดใสกว่าและอาจจะยาวมาจนถึงปี 2559 ที่ผู้ประกอบการทั้งหลายคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตามในไตรมาสแรกของต้นปี 2558 ในไทยนั้นก็ประสบสภาวะปัญหาความผันผวนจากสภาวะการเมืองมาไม่น้อยอยู่เหมือนกัน และยังได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมทางด้านผลิตคอนโดเข้าตลาดเมื่อ 2 ปีก่อน ก็เริ่มมีการแข่งขันที่สูงขึ้นจนเกิดเป็นภาวะล้นตลาด และยังมีสถานการณ์ในการปฏิเสธสินเชื่อจากทางธนาคาร ที่มีผู้ยื่นกูซื้อที่อาศัยแล้วผ่านการพิจารณาจากระบบของธนาคารเพียง 30% แต่เมื่อพอเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ทางผู้ประกอบการจึงมีการแก้เกมด้วยการพากันจัดโปรโมชั่นชนิดที่เรียกว่าเอาใจลูกค้ากันอย่างเต็มที่ ทั้งการอยู่ฟรี 1-2 ปี ดอกเบี้ย 0% ปีแรก และส่วนลดเงินสด เป็นต้น เพื่อเป็นการเร่งสภาวะการตัดสินใจของผู้บริโภค ในขณะที่บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจคอนโดรายใหญ่ ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ก็ประกาศชะลอตัวโครงการคอนโดมิเนียมออกไปก่อน แต่พอมาไตรมาสที่ 3 จึงเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐ ที่ถึงแม้ว่าตลาดคอนโดยังดูทรงตัว แต่ตลาดคอนโดในระดับราคาแง คืออยู่ที่ตารางเมตรละ 200,000 บาท กลับขายออกดีกว่าจึงเป็นการดีที่ตลาดช่วงบนจะเป็นตัวนำตลาด ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ก็ได้มีการสรุปผลประกอบการ 15 บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์รอบ 9 เดือนที่ผ่านมาว่ามียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 1.81 แสนล้านบาท ถือว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันปี 2557 อยู่ที่ 1.65 แสนล้านบาท
อ่านเพิ่มเติม : วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทำไม ธุรกิจคอนโด ถึงมาแรง ?
ถ้าศึกษาดูให้ดีจะเห็นได้ชัดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีที่แล้ว มีความใกล้เคียงกับของทางสิงคโปร์ในช่วงนี้เป็นอย่างมาก ที่ประสบปัญหาเรื่องของที่อยู่อาศัยล้นตลาดจากการมองภาพรวมว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ก็กลับกลายเป็นภาวะล้นตลาดที่มีการสร้างมากเกินกว่าความต้องการของผู้ซื้อ ซึ่งโดนมาเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาลง และเรื่องของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งศูนย์กลางธุรกิจต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย จึงทำให้นักธุรกิจด้านอสังหาฯ เกิดความมั่นใจในการลงและทำให้ผิดพลาดจนนำมาซึ่งการขาดทุนและกระทบกันเป็นวงกว้าง แต่ของทางประเทศไทยจะดีกว่าตรงที่สถานการณ์ได้คลี่คลายลงบ้างแล้ว