ปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนเป็นผู้ที่มีบัตรเครดิตพกติดตัวเพื่อใช้ในการชำระค่าสินค้า และบริการ หรือใช้บัตรเครดิตเพื่อใช้สำหรับถอนเงินสดจากเครื่อง ATM มาใช้ก่อนล่วงหน้าในช่วงเวลาที่ฉุกเฉิน แล้วค่อยจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม ตามวัน เวลา ที่ผู้ออกบัตรกำหนดไว้ ซึ่งในบางกรณีหากผู้ใช้บัตรเครดิตนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าหรือบริการที่มีราคาแพงกว่าระดับรายได้ที่มีอยู่ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาการผ่อนชำระที่ยาวนาน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทำให้ยอดค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเพิ่มสูงขึ้น และไม่รู้จะทำอย่างไรดี การจัดไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นอีกหนทางเลือกที่จะช่วยทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : รีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต แคมเปญดี ๆ ปี 2559
เหตุผลที่ต้องการทำรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
เรียกได้ว่าผู้ที่กำลังอยู่ในวังวนของการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิต และมีการหมุนเงินไม่ทัน โดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี การกู้สินเชื่อเพิ่มเพื่อนำมาผ่อนชำระบัตรเครดิต หรือที่รู้จักกันว่าเป็นการจัดไฟแนนซ์บัตรเครดิต ซึ่งเป็นการขอสินเชื่อบุคคล ที่น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ต้องมีการใช้หลักประกันหรือทรัพย์สินใดๆ ในการขอสินเชื่อให้แก่บุคคลธรรมดา เพื่อนำไปซื้อสินค้าหรือบริการ หรือใช้ตามวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่การนำไปประกอบธุรกิจซึ่งสินเชื่อส่วนบุคคลเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้มั่นคง อย่างพนักงานประจำ ที่ต้องการกู้ยืมเงินก้อนโดยใช้ชื่อของตัวเอง และหากว่าผ่านการอนุมัติแล้ว ผู้ขอสินเชื่อก็จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งเพื่อทำการโอนเข้าบัญชีธนาคารทันที หรืออาจได้รับเป็นบัตรกดเงินสด เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ แต่ผู้ขอสินเชื่อก็ต้องชำระเงินคืนธนาคารเป็นงวด ๆ เท่ากันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร ?
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การกู้ยืมสินเชื่อก้อนใหม่ขึ้นมา ทั้งนี้ก็เพื่อนำไปทำการผ่อนชำระสินเชื่อเดิมที่มีอยู่ ซึ่งสถาบันการเงินมักมีข้อเสนอพิเศษเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ต่างๆ มากมาย อย่างการลดอัตราดอกเบี้ย หรือการยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้น เป็นการรีไฟแนนซ์เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ขอสินเชื่อ ในกรณีที่ไม่สามารถจ่ายหนี้เก่าได้และต้องการจ่ายหนี้ให้น้อยลง ซึ่งก่อนจะทำการจัดรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ผู้ใช้บัตรเครดิตที่มีภาระหนี้สินค้างคาอยู่ จะต้องมีการวางแผนทางการเงินของตัวเองก่อนว่า รายรับหรือเงินเดือนที่ได้ในแต่ละเดือนของคุณนั้น ต่างกับรายจ่ายที่ใช้ในการผ่อนชำระหนี้สินต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน หากคิดว่ายังมีศักยภาพในการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตได้ ก็อาจจะยังไม่ต้องทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เพราะวิธีนี้อาจกลายเป็นการก่อหนี้ก้อนใหม่และเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองมากขึ้น แม้จะจ่ายหนี้แต่ละเดือนน้อยลง แต่อย่าลืมว่าระยะเวลาการจ่ายอาจยาวนานขึ้น ซึ่งทำให้หนี้ไม่หมดซะที แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจริงๆ เพื่อไมให้ตัวเองติดเครดิต บูโร
ข้อมูลเพื่อประกอบการขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
ไม่ว่าจะเป็นการจัดไฟแนนซ์ครั้งแรก หรือการรีไฟแนนซ์ ส่วนใหญ่จะใช้ข้อมูลพื้นฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว อย่าง ชื่อ-นามสกุล เพศ อาชีพ สถานภาพสมรส รายได้ หลักทรัพย์ที่มี แหล่งที่อยู่อาศัย รวมถึงภาระหนี้ และประเภทหนี้ และวัตถุประสงค์ที่ต้องการนำเงินไปใช้ ซึ่งนอกจากข้อมูลส่วนตัวแล้ว ทางสถาบันการเงินจะทำการตรวจสอบประวัติการขอสินเชื่อและประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาของคุณ หรือเครดิต บูโร ซึ่งหากผู้ขอสินเชื่อเป็น ผู้มีอาชีพการงานดี รายได้มั่นคง ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป และไม่เคยมีหนี้สิน มีความสามารถในการชำระหนี้ จะทำให้การจัดไฟแนนซ์หรือการรีไฟแนนซ์ คงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่
การเตรียมเอกสารสำหรับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
ผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม โดยดูจากเงื่อนไข หรือข้อเสนอต่าง ๆ ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนดไว้ แต่ส่วนใหญ่มักใช้เอกสารที่เป็นพื้นฐานเหมือนกัน คือ
ในกรณีเป็นพนักงานประจำ ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ จะต้องใช้
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือนที่เป็นต้นฉบับ หรือหนังสือรับรองเงินเดือน อายุไม่เกิน 2 เดือน
- สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกที่ระบุชื่อผู้สมัคร เพื่อโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี ยังมีเอกสารแสดงภาระหนี้ของสถาบันการเงินอื่นๆ
ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวหรือประกอบกิจการต่าง ๆ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนการค้า และสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (กรณีนิติบุคคล)
- สำเนาบัญชีธนาคารที่ใช้หมุน เวียนในธุรกิจ ย้อนหลัง 6 เดือน หรือสำเนาภาษีเงินได้ (ภ.พ.30) หรือสำเนาที่เป็นงบการเงินปัจจุบัน
- สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกที่ระบุชื่อผู้สมัคร เพื่อโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี
- เอกสารแสดงภาระหนี้ของสถาบันการเงินอื่น ๆ
ขั้นตอนทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการเงินแต่ละแห่งที่อาจมีความแตกต่างกัน ซึ่งหลังจากเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว คุณต้องติดต่อกับสถาบันเงินที่สนใจ ซึ่งทางสถาบันการเงินจะนัดวันเซ็นสัญญา โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อทำการพิจารณาวงเงินและตรวจสอบหลักฐานต่างๆ หากคุณผ่านการอนุมัติแล้ว ทางสถาบันการเงิน หรือธนาคารจะจัดการโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ขอสินเชื่อทันที
>หลักการคิด ดอกเบี้ยบัตรเครดิตแบบลดต้นลดดอก <
ขอบคุณข้อมูลจาก http://money.kapook.com/view71917.html