ปัจจุบันบัตรเครดิตได้กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยให้กับผู้คน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองแทบขาดไม่ได้ไปซะแล้ว แม้เวลาใช้จ่ายผ่านบัตรจะถือว่าเราเป็นหนี้ธนาคารก็ตาม บางคนก็ถือบัตรมากกว่า 1 ใบ มีของหลายธนาคารหลายสถาบันการเงิน รูดปื๊ดกันสนุกเลย การอนุมัติเดี๋ยวก็ง่ายขึ้นมาก วงเงินก็ให้เยอะ 2-3 เท่าของเงินเดือน แถมมีวงเงินพิเศษที่จะขอเพิ่มได้อีกในกรณีที่เดินทางไปต่างประเทศหรือกรณีพิเศษอื่น ๆ
บัตรเครดิตมีข้อดีหลายอย่าง อย่างแรกคือ ใช้สำหรับการจ่ายเงินแทนเงินสดทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดมาก แถมยอดเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตรยังได้เครดิตอีกประมาณ 55 วัน ตามรอบบัญชี เราถึงค่อยเอาเงินไปจ่ายคืน ทุกยอดการใช้จ่ายของเราก็ยังมีคะแนนสะสมไว้สำหรับแลกของรางวัลต่าง ๆ ตามสไตล์ของเรา ธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าของบัตรเครดิตมีการร่วมมือกับร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม สายการบินต่าง ๆ เพื่อมีส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้าบัตรเครดิตตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ใครมีบัตรเครดิตก็สามารถใช้เป็นส่วนลดเวลาซื้อของหรือรับประทานอาหารได้
ข้อควรระวังของการใช้บัตรเครดิตก็มีเหมือนกัน อย่างแรกเลยก็คือบัตรเครดิตโดยมากจะอนุมัติวงเงินให้สูง 2-3 เท่าของเงินเดือน หากไม่ระมัดระวังฟุ่มเฟือยในการใช้จ่ายก็สามารถเป็นหนี้ได้จำนวนมาก เพราะความเพลินในการที่เราไม่ต้องควักเงินสดออกมาจ่าย หากแค่เซ็นชื่อซื้อของไปแล้วไม่ได้ทำบัญชีไว้ ถึงสิ้นเดือนเห็นยอดที่ต้องจ่ายคืนก็อาจเป็นลมได้ อีกอย่างก็คือเจ้าของบัตรสามารถจ่ายเพียงขั้นต่ำรายเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของยอดที่ต้องชำระก็ได้ และดอกเบี้ยก็คิดก็แพงมากประมาณ 18-20%ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมากหากเราไม่ได้ชำระคืนเต็มจำนวน โดยมียอดค้างเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ ดอกเบี้ยก็จะทำหน้าที่ของมันทันที
อ่านเพิ่มเติม : รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ไม่ใช่เรื่องยาก! สิทธิประโยชน์ที่ลูกหนี้ต้องรู้
ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นของบัตรเครดิตทำให้ทุกธนาคารและสถาบันการเงินต่างก็แข่งกันออกบัตรเครดิตรูปแบบใหม่ ๆ ให้ดึงดูดลูกค้าให้มาสมัครบัตรกันเพิ่มขึ้น บางคนมีบัตรเครดิตหลายใบเปิดกระเป๋าสตางค์มามีของแทบทุกธนาคารเลย หากเรามีวัตถุประสงค์ในการใช้บัตรเครดิตอย่างถูกหลักมีวินัยคือ จ่ายเงินคืนทุกครั้งเมื่อมีการใช้จ่ายออกไปเต็มจำนวนเพื่อไม่ให้เป็นหนี้บัตรเครดิต จะเป็นการใช้บัตรเครดิตได้ประโยชน์สูงสุด เพราะเราไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ระยะเวลาการจ่ายเงินคืนก็ตั้ง 55 วัน แถมทุกยอดใช้จ่ายก็ยังสะสมเป็นคะแนนแลกของรางวัล หากผู้ถือบัตรเครดิตมีวินัยจ่ายเต็มจำนวนแบบนี้ทุกคน ก็จะไม่มีการต้องทวงหนี้ ฟ้องร้อง หรือ ประนอมหนี้บัตรเครดิตกัน
มีคนมากมายที่หลงอยู่ในวังวนหนี้บัตรเครดิต โดยเริ่มจากมีบัตรเครดิตใบแรกใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนกลายเป็นนิสัย สุดท้ายจ่ายแค่ขั้นต่ำรายเดือน และยังไม่ทิ้งนิสัยฟุ่มเฟือยจนต้องหาบัตรเครดิตใหม่ใบที่สอง สาม สี่ มาหมุนเงิน จ่ายแค่ขั้นต่ำ โปะเงินกันไปมาจนสุดท้ายเป็นหนี้บัตรเครดิตท่วมตัว ใครจะคิดว่าคนมีเงินเดือนแค่ 25,000 บาท สามารถเป็นหนี้บัตรเครดิตได้มากถึง 500,000 บาท ก็มีตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้ว หากถึงจุดนี้คือแม้แต่เงินเดือนของเราก็ยังไม่พอจะจ่ายขั้นต่ำรายเดือนของบัตรเครดิตทุกใบที่เรามีอยู่ นั่นหมายความว่า เราควรต้องจัดการอะไรบางอย่างกับชีวิตของเราก่อนที่จะสายเกินไปยิ่งกว่านี้
รีบเข้าสู่ขั้นตอนของการประนอมหนี้
- อย่างแรกเลยคือหยุดก่อหนี้เพิ่ม
รายได้เราไม่พอจ่ายแม้แต่หนี้เก่า ดังนั้นให้เราตัดบัตรเครดิตทิ้งไปเลยไม่มีการใช้จ่ายเพิ่ม ต่อไปก็ให้หยุดจ่ายคืนบัตรเครดิตทุกใบขั้นต่ำก็ไม่ต้องจ่ายเพราะไหน ๆ ก็ไม่พออยู่แล้ว และไม่ต้องคิดว่าเครดิตเราจะเสีย หนี้เราจะกลายเป็นหนี้เน่า ชื่อเราจะต้องเป็นแบล็กลิสต์อยู่ในเครดิตบูโร อนาคตปล่อยไปก่อนเอาตอนนี้ให้รอด
- เริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เงินที่เหลือให้เก็บไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมจ่ายคืนเป็นเงินก้อนหลังจากการประนอมหนี้กับธนาคารสำเร็จ ช่วงที่หยุดจ่ายไปก็จะมีโทรมาทวงหนี้จากทางธนาคาร ช่วงนี้ขอให้อดทนไว้ แรก ๆ จะเป็นการทวงหนี้ปกติ และค่อย ๆ โหดขึ้น รบกวนชีวิตเรามากขึ้น พอผ่านไปครบ 3 เดือน ก็อาจมีจดหมายมาตามทุกที่อยู่ที่เราแจ้งไว้ ให้เราเล่าเรื่องราวหนี้บัตรเครดิตให้กับครอบครัว เจ้านายและเพื่อนร่วมงานรับรู้ เพราะช่วงของการทวงหนี้อาจมีโทรศัพท์ไปหาคนรอบข้างเรา
สุดท้ายพอทวงไปเรื่อย ๆ เราไม่จ่าย ยื้อช่วงเวลานี้ให้นานออกไปจนกว่าเราจะพร้อม ค่อยเริ่มขั้นตอนเจรจาเพื่อการประนอมหนี้
โดยเข้าไปคุยกับทางธนาคารว่าเราไม่สามารถจ่ายได้จะขอประนอมหนี้ โดยมากถึงขั้นนี้ก็จะลดหนี้ลงได้มากประมาณ 30-40% ก็แล้วแต่การเจรจา หากถึงตอนนี้หนี้ลดลงได้มากแล้ว เราก็สามารถจัดการกับหนี้ของเราได้ง่ายขึ้น หากประนอมหนี้ไม่สำเร็จไม่เป็นที่พอใจ ก็อาจมีอีกวิธีให้เลือกซึ่งเดี๋ยวนี้ธนาคารก็มีข้อเสนอมากขึ้น คือให้เงินกู้เพื่อไปปิดบัญชีหนี้บัตรเครดิต โดยวิธีนี้คุณอาจเอาหนี้ของทุกบัตรมารวมกันแล้วกู้ก้อนเดียวเลย นำไปจ่ายคืนให้หมด อย่าลืมตัดบัตรทุกใบทิ้งด้วย แล้วค่อยทำงานเก็บเงินมาทยอยคืนเงินกู้ก้อนใหม่นั้น ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลานานกว่าจะจ่ายคืนหมด แต่ก็ต้องอาศัยความอดทน อย่าลืมว่าหนี้เราเป็นคนก่อขึ้นเอง ตัวเราเองก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ และบัตรเครดิตก็เป็นเหมือนดาบสองคม อย่าหลงระเริงไปกับความง่ายในการใช้จ่าย ควรมีความระมัดระวังและมีวินัยในการใช้จ่ายทุกครั้ง จะได้ไม่ต้องทำงานใช้หนี้กันหัวโต