เงินบำนาญ คือ เงินที่เราจะได้รับเมื่อถึงวัยเกษียณจากการทำงานแล้ว ในปัจจุบันอายุวัยเกษียณจะอยู่ที่ 55-60 ปี เงินบำนาญจะได้รับเงินจำนวนไม่น้อยหรือมากเกินไปเป็นรายเดือน ทำให้ผู้ที่เกษียณอายุงานแล้วยังคงมีรายได้เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในวัยเกษียณ แต่ด้วยเพราะในช่วงอายุเกษียณงานแล้วการที่จะทำงานหนักเหมือนที่เคยผ่านมาอาจจะไม่สามารถทำได้ จึงส่งผลให้ผู้ที่กินเงินบำนาญมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของตนเอง การใช้เงินบำนาญที่ได้รับมาแต่ละเดือนจึงต้องระมัดระวังและมีการวางแผนที่ดีเอาไว้อยู่เสมอ
เงินบำนาญกับเงินบำเหน็จมีความแตกต่างกัน ผู้ที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณแล้วจะต้องทำความเข้าใจในความต่างของเงินทั้ง 2 ประเภทนี้ก่อน เพราะว่าผู้เกษียณจะสามารถเลือกได้ว่าตนเองต้องการรับเงินประเภทไหนเมื่อถึงวัยเกษียณแล้ว เงินบำนาญอย่างที่กล่าวข้างต้นคือได้รับเงินจำนวนหนึ่งเป็นแบบรายเดือน จะจ่ายให้ทุกเดือนหลังจากเกษียณการทำงานแล้วจนกว่าผู้รับเงินจะเสียชีวิต เมื่อเสียชีวิตเงินบำนาญจะจ่ายรวบยอดให้แก่ทายาท 30 เท่าขอเงินบำนาญและจะสิ้นสุดการจ่ายเงินบำนาญทันที
แต่เงินบำเหน็จจะจ่ายเงินเป็นก้อนให้แก่ผู้เกษียณงาน เมื่ออายุงานถึงช่วงวัยเกษียณแล้ว สามารถนำเอาเงินก้อนที่ได้รับมาไปใช้ในการลงทุนต่าง ๆ ได้ เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพตนเองในวัยเกษียณจะไม่ได้รับเงินรายเดือนเหมือนกับการเลือกรับเงินบำนาญ ดังนั้นผู้ที่ใกล้เกษียณอายุงานแล้วจะต้องทำความเข้าใจ และเลือกว่าตนเองต้องการรับเงินบำนาญหรือเงินบำเหน็จมาไว้ใช้จ่ายในช่วงวัยเกษียณกันแน่
อ่านเพิ่มเติม : รู้กันรึยัง ! ประกันตนแบบสมัครใจตามมาตรา 39 มีผลกับเงินบำนาญประกันสังคม
การวางแผนเงินบำนาญให้ผู้อยู่ในวัยเกษียณสามารถอยู่รอดไปได้ เมื่อไม่ได้ทำงานประจำแล้ว สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- แบ่งเงินบำนาญที่ได้รับในแต่ละเดือนเอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย และแบ่งอีกส่วนเป็นเงินเก็บเพื่อเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น หรือเอาไว้ใช้ในยามเจ็บป่วย ยิ่งหากเป็นผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่มีคนคอยดูแล หรือไม่มีลูกหลานคอยดูแลในส่วนต่าง ๆ ยิ่งจำเป็นต้องมีเงินเก็บเอาไว้สำรองเสมอ
- หารายได้เสริมที่ตนเองสามารถทำได้และต้องไม่ใช่งานที่หนักเกินไป ในปัจจุบันงานเสริมมีให้เลือกอยู่มากพอสมควร อาชีพที่สามารถทำได้ที่บ้านไม่จำเป็นต้องไปเป็นลูกน้องใคร มีให้เลือกลองมาทำเป็นอาชีพให้แก่ตนเอง สามารถศึกษาและทำความเข้าใจอาชีพเสริมได้ตามสถาบันต่าง ๆ หรือในโลกออนไลน์ เพื่อนำมาประกอบอาชีพในช่วงวัยเกษียณได้เองที่บ้านหรือที่พักอาศัย
- รักษาสุขภาพของตนเองอยู่เสมอ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เพราะคนในช่วงวัยเกษียณอาจจะมีโรคที่มาพร้อมกับความชราตามช่วงอายุของคนเรา หากเราหมั่นออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้นยากต่อการเจ็บป่วย ไม่ต้องใช้เงินเก็บที่มีเพื่อรักษาตนเองไปได้อีกยาวนาน หรือจะเลือกซื้อเป็นประกันสุขภาพเอาไว้เพื่อช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในยามที่เจ็บป่วยเอาไว้ เพื่อความสบายใจในระยะยาวสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณ
- พยายามอย่าสร้างหนี้สินแม้ว่าศักยภาพในด้านการเงิน จะทำให้เรานั้นยังสามารถที่จะสร้างหนี้สินได้อยู่ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ให้ห่างจากตัวเราเอาไว้ให้มากที่สุด เพราะว่าด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีและเรานั้นยังอยู่ในวัยที่ไม่สามารถทำงานประจำได้แล้ว การมีหนี้สินก็จะเพิ่มภาระในด้านการเงินให้เรามากยิ่งขึ้น จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะสร้างหนี้ในช่วงวัยเกษียณแล้ว
- ก่อนที่อายุจะใกล้เกษียณการทำงานควรมีเงินเก็บเอาไว้ใช้ในยามเกษียณ เพื่อที่จะนำเงินเก็บมาใช้ในการลงทุนทำในสิ่งที่จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่เราได้ในช่วงวัยเกษียณ อาจจะนำมาลงทุนสร้างหอพักหรือบ้านเช่า เพื่อเก็บค่าเช่าในแต่ละเดือนเอาไว้ใช้จ่ายได้แบบยาว ๆ หรืออาจจะนำมาลงทุนค้าขายเปิดร้านขายของหรือร้านอาหาร และการลงทุนอื่น ๆ ที่คิดว่าเรานั้นจะสามารถทำได้และไม่ส่งผลเสียใด ๆ ต่อร่างกาย
- ประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุดหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ก็ควรที่จะเก็บเงินเอาไว้เพื่อที่จะได้มีเงินสำรองใช้ไปนาน ๆ ผู้ที่เกษียณงานส่วนใหญ่แล้วจะมีลูกหลานคอยดูแล ค่าใช้จ่ายจึงไม่จำเป็นต้องออกเอง นอกเสียจากว่ามีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้เงินของตนเองเท่านั้น จึงค่อยนำเงินออกมาใช้จ่ายหรือหากต้องอยู่ตัวคนเดียวก็พยายามใช้เงินอย่างประหยัดเสมอ ไม่ใช้เงินในค่าท่องเที่ยวมากเกินไป แม้ว่าจะถึงวัยที่เหมาะต่อการท่องเที่ยวเพราะเหนื่อยกับการทำงานมาอย่างยาวนานแล้ว แต่หากสภาพทางการเงินไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ก็ควรเลือกท่องเที่ยวตามสถานที่ที่ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากก็ได้ท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
วิธีในการใช้เงินบำนาญให้อยู่รอดไปตลอดตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่ใกล้วัยเกษียณหรืออยู่ในวัยเกษียณอายุการทำงานแล้ว ควรลองนำไปใช้ปรับเปลี่ยนในด้านการเงินของตนเอง แม้ว่าเรานั้นจะไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานแค่ไหนแต่การใช้เงินที่ได้มาหมดอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเราเท่าไหร่ในระยะยาว ดังนั้นหากยังมีรายได้อยู่แม้ว่าจะเป็นรายได้ที่ไม่ได้มากเท่าไหร่นัก แต่มันก็จะสามารถเลี้ยงชีพเราไปจนเราเสียชีวิตได้ หากเราใช้และบริหารเงินที่ได้มาให้เป็นอยู่เสมอ ยิ่งในกลุ่มของผู้ที่ไม่มีลูกหลานคอยดูแลยิ่งต้องระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่ายให้มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อใดเจ็บป่วยขึ้นมาคงไม่มีใครมาคอยดูแลทั้งเราและในส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้แก่เราอย่างแน่นอน ควรคิดให้ยาวไกลเข้าไว้อย่าคิดเพียงแค่วันนี้และพรุ่งนี้เท่านั้นเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณการทำงานแล้ว