หลังจากที่เราทำประกันครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาเรียบร้อยแล้ว สิทธิของผู้เอาประกันภัยคือ การได้รับเงินประกันพร้อมดอกเบี้ยตามข้อกำหนดในวงเงินสัญญา ซึ่งแต่ละคนนั้นจะได้เท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือว่าข้อกำหนดที่ได้ทำไว้ครับ สำหรับผู้ที่เพิ่งเคยทำประกันเป็นครั้งแรก อาจมีความรู้สึกไม่แน่ใจหรือกังวลใจว่า ตนเองจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้รับเงินคืน ผู้เขียนได้รวบรวมขั้นตอนง่ายๆ 7 ขั้นตอนนี้เอามาฝากครับ ลองนำไปใช้และปฏิบัติ รับรองว่าจะไม่มีปัญหาในขั้นตอนของการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา อย่างแน่นอน
1.ตรวจสอบสัญญาให้ละเอียดอีกครั้ง
ขั้นตอนแรกของการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา คือการตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยของเราว่า เงื่อนระยะเวลานั้นครบกำหนดแล้วหรือยัง รวมทั้งตัวเรามีการค้างประกันหรือไม่ เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากนะครับ เพราะอาจทำให้เมื่อเราไปขอรับเงินครบกำหนดสัญญา อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับยังไม่ได้รับเงินได้ ดังนั้นตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนไปทำประกันจะดีที่สุด
2.ใครคือ “ผู้รับประโยชน์”
คำว่า “ผู้รับประโยชน์” หมายถึง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้นๆ โดยปกติแล้ว จะเป็นตัวผู้เอาประกันภัย (ตัวเรา) หรือคนในครอบครัว ตรงนี้ตรวจสอบให้ดีครับ
- เราคือผู้รับประโยชน์ในสัญญาประกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ไม่สามารถขอรับเงินได้นะครับ
- หรือ เราอาจเป็นผู้รับประโยชน์ในฐานะของ ผู้เอาประกันภัย ถ้าแบบนี้ก็สามารถทำได้ทันที
หากตัวเราซึ่งอยู่ในฐานะของผู้รับประโยชน์จากสัญญา มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ก็จะต้องจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ-สกุลให้เรียบร้อยด้วย
3.เตรียมเอกสารเพื่อการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา
ขั้นตอนต่อมาคือ การจัดเตรียมเอกสารเพื่อการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา โดยเอกสารที่เกี่ยวข้องและต้องใช้ประกอบไปด้วยเอกสารดังต่อไปนี้คือ
- ตัวกรมธรรม์เอง หรือหากทำใบกรมธรรม์หาย ก็สามารถใช้ใบแจ้งความเข้ามาแทนได้
- บัตรประจำตัวประชาชน (ที่ยังไม่หมดอายุบัตร)
- ใบรับเบี้ยประกันงวดสุดท้าย (จำเป็น)
ในบางผู้ให้บริการอาจมีเอกสารที่ต้องจัดเตรียมน้อยกว่านี้ ทั้งนี้ขอให้ผู้อ่านทำการศึกษาข้อมูลของแต่ละผู้ให้บริการเป็นกรณีๆไปครับ เอกสารควรเตรียมทั้งในส่วนของเอกสารตัวจริงและเอกสารที่เป็นสำเนาเอกสาร
4.สอบถามตัวแทนประกัน
ขั้นตอนที่ 4 คือลองโทรสอบถามกับทางตัวแทน ถึงแนวทางในการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา ก็ได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว ถ้าตัวแทนของคุณยังคงทำหน้าที่อยู่ คุณก็จะได้รับข้อดูแลตรงส่วนนี้อย่างแน่นอน แต่ในกรณีที่ตัวแทนนั้นๆ ไม่ได้ทำงานประกันต่อแล้ว คุณก็อาจเลือกที่จะโทรเข้าไปสอบถามข้อมูลจากบริษัทประกันภัยแทนได้
โดยในปัจจุบันนั้น การดูแลในส่วนนี้ของทุกบริษัทต่างทำหน้าที่ได้อย่างดีแล้ว ดังนั้นคุณจะได้รับความสะดวกสบายจากการดูแลของบริษัทประกันแน่นอน
5.ตรวจสอบสถานที่ หรือสำนักงานที่ใกล้เคียง
เพื่อการขอยื่นเอกสารการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา คุณสามารถตรวจสอบสถานที่ หรือสำนักงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือใช้ App ในการตรวจสอบหาที่ตั้งของสถานที่สำนักงานประกันก็ได้ เลือกสถานที่ที่ใกล้กับตัวคุณมากที่สุด เพื่อที่ว่าคุณจะได้รับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการด้านเอกสารต่างๆ
6.กรณีไม่ได้มายื่นด้วยตนเอง
ในหลายๆกรณีหากตัวคุณนั้นไม่สะดวกในการมาติดต่อกับทางบริษัทประกันด้วยตนเอง คุณสามารถใช้ตัวแทนในการเข้ามาดำเนินการแทนคุณได้ครับ สำหรับเอกสารที่ต้องจัดเตรียมมานั้นประกอบไปด้วย
- กรมธรรม์ หรือรายงานประจำวันรับแจ้งความกรมธรรม์สูญหาย
- หนังสือมอบฉันทะ
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้เอาประกัน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
- บัตรประจำตัวประชาชน ของผู้รับมอบฉันทะ
- ใบรับเงินเบี้ยประกันงวดสุดท้าย
- สัญญาเงินกู้ตามกรมธรรม์ (ถ้ามี)
ทุกเอกสาร ขอให้มีการจัดเตรียมให้พร้อม ทั้งตัวจริงและสำเนา เพื่อให้เมื่อถึงขั้นตอนของการยื่นติดต่อเอกสารแล้ว จะได้ไม่ต้องทำเอกสารใหม่ หรือว่าวิ่งหาเอกสารต่างๆให้มีความวุ่นวายไปเป็นต้น
7.พิจารณาการทำประกันต่อ หากเห็นว่าเหมาะสม
ข้อสุดท้าย สำหรับการขอรับเงินครบกำหนดสัญญา คือ ลองคำนวณดูนับช่วงอายุจากตัวคุณในตอนนี้ไปยังอนาคต ว่าคุณมีความจำเป็นที่จะต้องทำประกันต่อไปหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเสมือนการคุ้มครองความปลอดภัยในอนาคตของตนเองครับ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนแนะนำว่า หากไม่ลำบากในการใช้ชีวิตมากนัก และคุณยังไม่มีรายจ่ายมากเกินไป การเลือกทำประกันชีวิตต่อเนื่องน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและเหมาะสม โดยเงื่อนไขในการพิจารณาประกอบไปด้วย
- กรมธรรม์ชื่ออะไร และมีความคุ้มครองในเรื่องใดบ้าง
- เป็นประกันสุขภาพ หรือประกันออมทรัพย์
- เงื่อนไขในการส่งเงินประกัน
- วันครบกำหนดสัญญา
- เงื่อนไขพิเศษที่ไม่ได้ระบุไว้
ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้ ใช้สำหรับเป็นแนวทางในการพิจารณาตัดสินใจว่า กรมธรรม์นั้นๆควรลงมือทำต่อหรือไม่ และควรกำหนดเวลาในการส่งกรมธรรม์อย่าให้ยาวนานมากครับ เน้นสักราวๆ 5-15 ปีเพียงพอแล้ว เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการจ่ายเบี้ยประกันในแต่ละเดือนที่มากเกินไปนัก