แข่งออมเงิน แบบสุดโต่ง การแก้เผ็ดเศรษฐกิจของวัยรุ่น Gen Z ในจีน
Revenge Saving หรือ “แก้แค้นด้วยการออม” เป็นปรากฏการณ์ แข่งออมเงิน แบบสุดโต่ง การแก้เผ็ดเศรษฐกิจของวัยรุ่น Gen Z ในจีน แทนที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนหนุ่มสาวจีนกลับหันมาประหยัด และออมเงินอย่างสุดโต่ง ซึ่งจะมีสาเหตุ วิธีการออมเงินอย่างไรกันบ้าง รวมถึงผลกระทบ และการตอบโต้ของรัฐบาล หรือวิธีพยายามคลี่คลายปัญหานี้อย่างไร เรามีคำตอบ
สาเหตุที่ทำให้เกิด Revenge Saving แข่งออมเงินแบบสุดโต่ง การแก้เผ็ดเศรษฐกิจของวัยรุ่น Gen Z ในจีน
- เศรษฐกิจชะลอตัว แม้ GDP ไตรมาสแรกของจีนจะเติบโตถึง 5.3% แต่คาดการณ์ในระยะยาวยังชี้ถึงการชะลอตัวต่อเนื่อง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 4.5% ในปี 2025
- ตลาดแรงงานตึงตัว อัตราการว่างงานในกลุ่มอายุ 16-24 ปีสูงถึง 14.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 5% มาก
- รายได้ไม่เพิ่มขึ้น เงินเดือนเฉลี่ยของผู้จบปริญญาตรีในปี 2023 อยู่ที่ 6,050 หยวน (ประมาณ 30,386 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 1% จากปีก่อนหน้า
- ความไม่มั่นใจในอนาคต สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนทำให้คนรุ่นใหม่ขาดความมั่นใจ และไม่กล้าใช้จ่าย
- ต้องการมีเงินสำรอง ยอดเงินฝากโดยรวมของครัวเรือนในไตรมาสแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการออมที่เพิ่มขึ้น
- ความท้าทายในการหางาน คนหนุ่มสาวจำนวนมากไม่สามารถหางานทำได้ และการเพิ่มรายได้เป็นเรื่องยาก จึงเลือกที่จะใช้จ่ายน้อยลง
ตัวอย่าง 5 วิธีการออมสุดโต่งแบบต่าง ๆ
- ตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายที่ต่ำมาก เช่น สาวจีนคนหนึ่ง พยายามใช้จ่ายเพียง 300 หยวน (ประมาณ 1,509 บาท) ต่อเดือน โดยใช้จ่ายค่าอาหารเพียง 10 หยวน (ประมาณ 50 บาท) ต่อวัน
- หา “คู่ออม” หรือ “กลุ่มพันธมิตรการออม” การรวมกลุ่มกันในโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างแรงจูงใจ และควบคุมกัน และกันในการออมเงิน
- ทานอาหารในโรงอาหารชุมชน หันไปใช้บริการโรงอาหารที่มักจัดไว้สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งมีราคาถูกกว่า
- ใช้วิธี Reverse Consumption พยายามลดการใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น
- ใช้วิธี Stingy Economy แสวงหาส่วนลด และดีลต่าง ๆ อย่างจริงจังเมื่อต้องซื้อของ
ผลกระทบของ Revenge Saving
- การเติบโตของเงินฝาก ยอดเงินฝากของครัวเรือนในไตรมาสแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- การชะลอตัวของการบริโภค การใช้จ่ายที่ลดลงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน
- ผลกระทบทางจิตวิทยการออมอย่างสุดโต่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกิจต่าง ๆ อาจต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่
ความแตกต่างระหว่าง Gen Z จีน และประเทศอื่น
ในขณะที่ Gen Z ในจีนกำลังประหยัดอย่างหนัก Gen Z ในประเทศอื่น ๆ กลับมีพฤติกรรมตรงกันข้าม:
- Gen Z ทั่วโลกมักจะกู้ยืมเงินเพื่อใช้จ่ายในการกิน และท่องเที่ยว
- ตามรายงานดัชนีความมั่งคั่งโดย Intuit 73% ของ Gen Z ในสหรัฐอเมริกาเลือกที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปัจจุบันมากกว่าการเก็บเงินไว้ในธนาคาร
การตอบโต้ และความพยายามแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจีน
- นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจีนอาจต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการใช้จ่าย
- การสร้างงาน เพิ่มความพยายามในการสร้างงานสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้จบการศึกษาใหม่
- การส่งเสริมการบริโภค อาจมีการออกมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เช่น การแจกคูปองส่วนลด หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในระดับประเทศ
- การปฏิรูประบบสวัสดิการ พิจารณาปรับปรุงระบบประกันสังคม และสวัสดิการ เพื่อลดภาระ และความกังวลของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับอนาคต
- การส่งเสริมการศึกษาทางการเงิน ให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการการเงินส่วนบุคคลที่สมดุล เพื่อป้องกันการออมที่สุดโต่งเกินไป
ปรากฏการณ์ Revenge Saving ในหมู่วัยรุ่น Gen Z ของจีนสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจ และสังคมที่ประเทศกำลังเผชิญ แม้ว่าการออมจะเป็นนิสัยที่ดี แต่การออมอย่างสุดโต่งอาจส่งผลเสียต่อทั้งเศรษฐกิจโดยรวม และคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการออม และการใช้จ่าย ตลอดจนฟื้นฟูความเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศ
การเกิดขึ้นของปรากฏการณ์แข่งออมเงินแบบสุดโต่ง การแก้เผ็ดเศรษฐกิจของวัยรุ่น Gen Z ในจีน ยังเป็นสัญญาณเตือนสำหรับประเทศอื่น ๆ ที่อาจเผชิญกับปัญหาคล้ายคลึงกัน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง และยั่งยืน ซึ่งสามารถรองรับความต้องการ และความคาดหวังของคนทุกรุ่น