จะว่าไปนั้น งานประจำก็จัดได้เลยว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อนะคะ หลายคนคงเบื่อกับชีวิตการนั่งทำงานประจำเหมือนเดิมๆกันใช่มั้ยล่ะคะ เพราะทุกวันนี้การทำงานประจำเก็บเงินจนเกษียณก็ไม่ได้สบายเหมือนในอดีตแล้วนะคะ เพราะการทำงานที่เป็นลูกน้องคนอื่นนอกจากเหนื่อยงาน เหนื่อยใจแล้วกลับมายังต้องแบกกับภาระการเงินที่แทบจะไม่ชนเดือนกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ตามมาคือหนีก็เยอะ ไหนจะบ้าน ไหนจะรถ ล้วนเป็นเงินในอนาคตทั้งนั้น กี่ปีถึงจะหมดหนี้ได้เป็นอิสระทางการเงิน แล้วต้องมีเงินเก็บเท่าไรถึงจะพอในอนาคต ไม่มีใครตอบได้จนกลายเป็นที่ท้องแท้เมื่อบิลค่านั่นโน่นนี่ได้โถมเข้ามาใส่ตัวคุณ
ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มต้นเก็บ หรือรวยได้ต้องปลดปล่อยหรือจัดการกับภาระเหล่านั้นให้ ไม่มีหนี้ ไปก่อน ดังนั้นเรามีวิธีการจัดการกับหนี้สินที่เกิดขึ้นกันดังนี้ค่ะ
อย่าหันไปกู้หนี้นอกระบบเพื่อมาใช้หนี้ในระบบที่คุณเป็นอยู่เป็นอันขาด
ก็เข้าใจอยู่ว่าการเป็นหนี้นั้นจะต้องพบกับภาระอย่างหนัก จนบางครั้งในหนึ่งเดือนต้องปลดหนี้จนเงินไม่เหลือใช้ แต่อย่างไรก็ตามต้องค่อยๆแก้ไขและคิดไปที่ละเปลาะ ต้องไม่สร้างหนี้เพิ่ม โดยการประหยัดให้มากที่สุด ซื้อแต่สิ่งของจำเป็นจริงๆ ยังไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเนื่องจากว่าขณะนี้ไม่สะดวกจ่าย แล้วหันมาพยายามจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินสด เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่เพิ่มพูนของหนี้บัตรเครดิต หากเป็นไปได้เมื่อใช้หนี้หมดแล้วก็รีบปิดบัตรไปเสียเลย หันมาใช้เงินสด เก็บเงินออมในบัญชีเพื่อสำรองไว้ดีกว่า เพราะร้อยทั้งร้อยนั้นเมื่อเวลามีบัตรสาวๆทั้งหลายได้กระหน่ำใช้อย่างไม่ยั้งคิด ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่จะรวย เปลี่ยนเสียนิสัยเดิมๆไอ้รูดปื๊ดๆนั้นตัดไปได้แล้ว
หากต้องการทราบว่าเราได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างนั้นและจะได้ทราบถึงสภาวะทางการเงินนั้นจะต้องจดบันทึกรายรับรายจ่าย
ควรจดบันทึกอย่างละเอียด เพื่อให้รู้สถานการณ์การเงินของตัวเอง ในบันทึกจะฟ้องว่าอะไรเป็นรายจ่ายจำเป็น อะไรเป็นรายจ่ายที่ตัดทิ้งไปได้ ต่อไปก็พยายามกันเงินส่วนหนึ่งจ่ายหนี้ให้มากที่สุดในแต่ละเดือน จงประหยัดให้ได้มากที่สุด พึงนึกเสมอเลยว่าคุณจะฟุ่มเฟือยไม่ได้อีกแล้ว
เทคนิคในการปลดหนี้คือรีบจัดการกับหนี้ก้อนโตเท่าที่จะเร็วได้ก่อน
เพราะจำนวนเงินยิ่งมากดอกเบี้ยก็จะยิ่งมากตามไปด้วย สำหรับท่านไหนที่มีบัตรหลายใบนั้นจะโป๊ะทีเดียวไม่ได้แน่ๆ ส่วนที่เหลือที่เป็นรายย่อยออกมานั้นจะก็เสียขั้นต่ำไปก่อน แต่อย่าพอดีเปะนะคะ ให้เกินๆไปหน่อย และเมื่อปลดหมดครบทุกตัวก็จำไว้เป็นบทเรียนหากไม่จำเป็นก็อย่าคิดหรือใช้จ่ายอย่างไม่ยั้งคิดอีกล่ะ หากต้องการเก็บบัตรไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินนั้นแนะนำว่าเลือกใบที่ดอกเบี้ยน้อยที่สุดไว้เพียงใบเดียวก้เพียงพอแล้วล่ะค่ะ
- การขอยืดหนี้
แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่มีหรือไม่ทันแล้วจะหนีหนี้ มันจะเสียประวัติไปนะคะ ทางที่ดีคือการเข้าไปคุยกับรีไฟแนนซ์และบอกถึงสาเหตุเพื่อยืดหนี้ออกไป อย่าไปตกหลุมพรางหาแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าหนี้เก่า เพราะนอกจากไม่ช่วยแล้วยังเพิ่มหนี้เข้าไปอีก ต้องหารีไฟแนนซ์ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ อาจเลือกรีไฟแนนซ์แค่ 1-2 ใบก็พอ ซึ่งจะช่วยให้ผ่อนหนี้ได้ดีแล้วยังมีเงินเหลือ แต่อย่าลืมว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย คือจะต้องเป็นหนี้นานขึ้นกว่าเดิมจาก 20 เดือนเป็น 42 เดือนแทน ทำอย่างไรได้นอกจากการทำใจนั่นเองล่ะค่ะ
- หาแหล่งเงินกู้ใหม่ที่ดอกเบี้ยต่ำ
เพื่อที่จะได้นำมาประทังชีวิตไปก่อน แต่หากเป็นคนที่มีวินัยพอก็ลองหันหน้าเข้าหาครอบครัวเพื่อทำการยืมก่อนได้นะคะ แต่จงนึกเสมอว่าเงินเขาเงินเรา เมื่อมีคนมายืมเราก็ต้องการคืน คนในครอบครัวก็เช่นกันค่ะไม่ใช่ว่ายืมแล้วไปลับแบบนี้ครั้งต่อไปอย่าหวังว่าจะหันหน้าไปพึงเขาได้อีก
เมื่อเห็นว่าสุดๆแล้วๆ ดอกเยอะมากบวกกับค่านั่นโน่นนี่ที่ตามมาเต็มไปหมดนั้น ให้ติดต่อเจ้าหนี้บัตรเครดิตขอปรับโครงสร้างหนี้ หากพูดให้เข้าใจนั้นก็คือการทำสัญญาใหม่นั่นเองค่ะ เป็นการรวมเงินต้น ดอกเบี้ย เบี้ยปรับทั้งหมด ค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้ไว้ด้วยกันแล้วออกมาเป็นยอดเดียวกัน และคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่าหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลมีอายุความต่างกัน การคิดดอกเบี้ยก็อยู่ในอัตราที่ต่างกัน ถ้าไม่มีเงินจ่ายหนี้ในกรณีที่คุณมีหนี้หลายตัว ขอเตือนเลยว่าไม่ควรปรับโครงสร้างหนี้เป็นอันขาด เพราะถ้าผิดนัดแม้แต่งวดเดียวอาจถูกอายัดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนได้
การปลดหนี้หากค่อยๆเป็นไปอย่างมีสติก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะคะ ดังนั้นเมื่อหลุดพ้นจากห่วงกรรมที่ก่อขึ้นมาเองแล้วก็ ห่างไกลจากจุดนี้ไปได้เลย ให้ถือเสียว่าเป็นบทเรียน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และหลังจากนั้นก็รู้จักที่จะวางแผนการใช้เงิน รู้ที่จะเก็บออมเพื่อวันข้างหน้า และมีวินัยในการใช้จ่าย คิดหน้าคิดหลังทุกครั้งว่าจำเป็นมั้ย ขาดได้มั้ย หรือเป็นของที่ฟุ่มเฟือยหรือไม่ หากละในจุดนี้ไปได้ รับรองได้เลยว่าความรวยไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน