หากจะพูดว่าเราอยากเป็นอะไร แทบจะทุกคนต้องมีความคิดว่าอยากจะเป็นคนรวย คนส่วนใหญ่หวังที่จะรวยกันอยู่แล้ว เลยมักจะพยายามศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ Mind Set หรือแนวทางความคิดของเรา ทัศนคติของเรา ว่าเป็นอย่างไร สิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพราะ เปรียบเหมือนถนน หาก Mind Set ของเราบอกว่า เราจะขึ้นสะพาน แต่ในสถานการณ์จริงเราต้องเลี้ยวซ้าย แต่ Mind Set ของเราคิดว่าเราต้องทำตามความคิดแรกของเราเท่านั้น เราก็ยังคงจะขึ้นสะพานอยู่ แม้ว่าการเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางที่สามารถไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่าก็ตาม
ดังนั้น ความแตกต่างของ คนจน กับ คนรวย ที่เห็นได้ง่ายที่สุดก็คือเรื่องของทัศนคตินั่นเอง เพราะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เราสามารถคาดเดาคน ๆ นั้นได้ ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น A เป็นคนชอบอยู่กับที่ มีความคิดที่ว่าการทำธุรกิจที่ทำอยู่ให้รอด โดยยึดเป้าหมายเล็ก ๆ เอาไว้ เพื่อที่จะทำสำเร็จได้ง่ายไม่กล้าหวังสูงเพราะกลัวจะผิดหวัง แต่ B ทำธุรกิจเดียวกันกับ A แต่ตั้งเป้าไว้สูงมาก ต้องการยอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้น 30% และพยายามทำทุกวิถีทางให้บรรลุเป้าหมาย และถึงแม้พลาดก็อาจจะทำได้ใกล้เคียง
เราลองมาศึกษาวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จกัน
คนทั่วไปหวังที่จะรวยเพราะเล่นหวย แต่คนรวยนั้นทำงานเพื่อให้ได้เงินมา นี่เป็นความคิดของคนรวยคนหนึ่ง จะเห็นได้ว่าเขาไม่หวังพึ่งโชคชะตา แต่หวังพึ่งน้ำพัก น้ำแรงของตัวเองเท่านั้น ซึ่งเป็นทัศนคติที่ดี ที่เราจะไม่รอให้โอกาสมาหา แต่เราจะสร้างโอกาสขึ้นมาเองและเมื่อโอกาสมาถึงเราก็จะรู้ และเราก็จะคว้าเอาไว้ได้
คนทั่วไปคิดว่าการมีความรู้รอบตัวเยอะ ๆ เป็นเรื่องดีแต่คนรวยคิดแค่ว่ารู้เฉพาะสิ่ง ๆ หนึ่งเท่านั้นถึงจะรวยกว่าเพราะหลายครั้งที่เราจับจดกับทุก ๆ สิ่งมากเกินไป จนกลายเป็นเป็ดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ดีซักอย่าง หากเราเอาดีทางด้านใดด้านหนึ่งให้สุด ๆ ทางนั้นแหละที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง และง่ายกว่ามาก
คนทั่วไปคิดถึงอดีตดี ๆ คนรวยคิดถึงอนาคตที่ดี หลาย ๆ คนเวลาท้อก็มักจะถอย หันไปมองช่วงเวลาดี ๆ และคิดย้อนว่าอยากกลับไปเวลานั้นจัง อยากมีเวลาแบบนั้นอีก แต่กลับกันคนรวยมักไม่ย่อท้อ ไม่ถอยหนี รวมถึงหากอยากมีเวลาดี ๆ ก็จะพยายามสู้เพื่อให้ได้มันมา มักไม่สนใจอดีตที่พลาดพลั้งหรือสมหวัง เพราะเก็บไว้เป็นเพียงแค่ประสบการณ์ ไม่ได้เก็บไว้ให้ระลึกว่าน่าเสียดาย
คนทั่วไปใช้อารมณ์ คนรวยใช้เหตุผล หลาย ๆ ครั้งที่คนทั่วไปเอาความรู้สึกมาชั่งน้ำหนักกับตัวเงิน แต่กับคนรวยแล้วใช้แต่เหตุผล ใช้เพียงแต่เรื่องจริงที่สามารถพิสูจน์ได้มาคิดวิเคราะห์เท่านั้น
คนรวยมักคิดถึงเรื่องประกัน แต่คนจนกังวลเรื่องทำประกัน คนรวย ๆ มักจะสนใจที่จะซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพเอาไว้ เพราะเชื่อว่าเรื่องสุขภาพนั้นมาก่อน และไม่ได้ทำให้เสียเงินมากมายอะไร แต่คนจนมักจะกังวลเรื่องการใช้จ่ายมากเกินไป บางครั้งถึงเวลาป่วย และไม่มีประกัน กลับกลายเป็นว่าต้องเสียเงินมากกว่าการทำประกันหลาย ๆ ปีเสียอีก ในการรักษาตัวเอง
คนทั่วไปไม่กล้าเสี่ยง คนรวยกล้าเสี่ยง หลายครั้งที่คนทั่วไปมักชอบอ้างถึงความสบาย เช่น ทำงานประจำดีอยู่แล้ว ไม่มีความเสี่ยง แต่หารู้ไม่ว่านี่เป็นข้ออ้างที่แย่มาก ๆ เพราะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าบริษัทจะไล่เราออกเมื่อไร ซึ่งต่างจากคนรวยจะหาหนทางที่จะเสี่ยงเสมอ เพราะเชื่อว่ายิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งได้อะไรกลับมามาก และไม่เคยคิดว่าการทำอะไรบางอย่างไม่มีความเสี่ยง คนรวยจะตระหนักถึงความเสี่ยงเสมอ แต่การกล้าที่จะเสี่ยงต่างหากที่จะทำให้รวย
คนทั่วไปยึดติดกับการออม แต่คนรวยยึดติดอยู่กับการหาเงินเพิ่ม หลายครั้งที่เรามีการสอนกันว่าให้ออมเงินก่อนใช้นะ แล้วก็จบเพียงแค่นั้น แต่คนรวยจะคิดต่อว่า หากเราออมเงินเอาไว้เฉย ๆ ค่าเงินมันก็น้อยลง เราก็รวยน้อยลง แต่หากเราแบ่งเงินเป็นหลาย ๆ ก้อน เป็นเงินออม เงินลงทุน และอื่น ๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้เราได้ นอกจากจะไม่จนลงเพราะเงินเฟ้อ ยังสามารถที่จะรวยขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอีกหลาย ๆ ช่องทางด้วย
ข้อนี้สำคัญที่สุด คนทั่วไปใช้เงินอย่างคนรวย คนรวยใช้เงินอย่างคนจน เช่น คนทั่วไปได้เงิน 15,000 ใช้ 13,000 แต่คนรวยได้ 100,000 แต่ใช้ 50,000 จะเห็นได้ว่า คนรวยใช้เงินในอัตราที่น้อยกว่าคนทั่วไป และยิ่งหากเทียบเป็นเม็ดเงิน คนรวยก็เหลือเงินเยอะว่าหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม : นิสัยการใช้เงินอย่างคนรวย ที่ทุกคนควรทำตาม
จะเห็นได้ว่า แนวคิดต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น แต่บางแนวคิดอาจจะดูขัด ๆ ไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ถือเป็น Mind Set ที่ดีของคนรวยที่จะพยายามทำให้ตัวเองรวยขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนจากคนธรรมดาให้เป็นคนรวย ก็สามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้กันได้ ปรับให้เหมาะกับตัวเราก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกอย่าง เพราะอย่าลืมว่า บางคนมี 1 ล้านบาท ก็คิดว่าตนเองรวยและเพียงพอแล้วแต่ก็มีหลายคนที่มี 100 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่พอ อยากจะมีมาก ๆ ขึ้นไปอีก ดังนั้นก็หวังว่าทุกคนจะนำไปปรับใช้ได้อย่างดี