คนที่เขารวยมาก ๆ มีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ใครอยากรวยเร็ว แบบก้าวกระโดนฟังทางนี้ เรามีเคล็ดลับการลงทุนที่ทำให้คุณรวยเร็ว มาฝากค่ะ ลองอ่านบทความข้างล่างนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า พวกเขาคิดต่างจากเราอย่างไร ถึงได้รวยเร็วแบบก้าวกระโดด และใช้วิธีไหนบ้าง มาดูกันเลย
เคล็ดลับการลงทุน ให้รวยเร็ว
-
การสร้างบริษัทขึ้นมาแล้วขาย
แนวคิดที่ว่า “รู้ตั้งแต่เริ่มแล้วว่าจะจบอย่างไร” คือสิ่งสำคัญของเรื่อง อย่างที่คุณอาจเคยเห็นตัวอย่างบริษัทใหญ่ ๆ มากมาย ที่ใช้วิธีเช่นนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนเงินที่มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำแล้วประสบความสำเร็จเหมือนกัน เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคลที่มีความแตกต่างกัน หลักการก็คือ สร้างบริษัทขึ้นมา แล้วสร้าง Asset (แนวคิด/ไอเดีย ฐานลูกค้าข้อได้เปรียบทางการค้า และสินค้าที่ขายดี) ที่มีอนาคตที่ดีมาก ๆ เสร็จแล้วก็หาหุ้นส่วนใหม่, นักลงทุน, Venture Capital หรือคู่ค้าที่สามารถเสริมกันได้ (Synergy) มาซื้อกิจการ หรือมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคาพิเศษ แทนที่คุณจะรอรับเงินปันผลจากธุรกิจ ไปเรื่อย ๆ คุณก็ขายหุ้นเดิม หรือหุ้นเพิ่มทุนในราคาแพงขึ้น กับผู้ที่สนใจ โดยการเสนอผลกำไรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมกับความคุ้มค่าในการลงทุนครั้งนี้
ยกตัวอย่างเช่น A เปิดบริษัทด้วยเงินลงทุน 1 ล้านบาท (ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท จำนวน 1 ล้านหุ้น) กิจการดีมาก มีผลกำไรปีละ 300,000 บาททุกปี และมีแนวโน้มจะได้รับกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นคุณก็เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนอีก 1 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท เท่ากับคนซื้อต้องจ่ายเงิน 3 ล้านบาท ได้หุ้นเพิ่ม 1 ล้านหุ้น (รวมแล้วบริษัทมี 2 ล้านหุ้น ผู้ซื้อคนใหม่ถือหุ้น 50% สัดส่วนของเราลดเหลือ 50%) แต่เงิน 3 ล้านบาทที่นักลงทุนจ่ายมา คุณก็เอาเข้าบริษัท 1 ล้านบาท เหลืออีก 2 ล้านบาทก็ถือว่าเป็นพรีเมี่ยมให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (คุณจะได้เงิน 2 ล้านบาท โดยไม่ต้องทำงานแบบเดิม)
-
เอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
แนวคิดนี้คล้ายกับวิธีการแรก เพียงแต่ไม่ใช่เอาบุคคล หรือบริษัทมาซื้อหุ้นของเรา แต่เป็นการเอาบางส่วนของหุ้นบริษัทไปซื้อ – ขายในตลาดหลักทรัพย์ ราคาที่ปรากฎอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะสะท้อนให้คุณเห็นถึงราคาหุ้นเดิม ที่คุณถืออยู่ คุณก็สามารถขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นเดียวกับการให้นักลงทุนซื้อหุ้น
ยกตัวอย่าง หากบริษัทมีทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท (หุ้นละ 1 บาท จำนวน 40 ล้านหุ้น) บริษัทมีกำไรปีละ 10 ล้านบาท จึงปันผล เท่ากับ 0.25 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และจดทะเบียนเพิ่มทุนอีก 10 ล้านหุ้น เข้าซื้อ – ขายในตลาดหลักทรัพย์ เรียกว่า “Financial Advisor: FA” เสนอขายให้กับนักลงทุนในราคา (Initial Public Offering: IPO) เท่ากับ 2 บาทต่อหุ้น เมื่อเข้าตลาดไปแล้ว สมมติว่าราคาในตลาดหลักทรัพย์ คือ 2 บาท หุ้นเดินที่คุณมีอยู่ก็สามารถขายได้ในราคา 2 บาทเช่นกัน (แน่นอนว่าตลาดหลักทรัพย์มีมาตรการกำกับไม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมพากับขายหุ้นเอาเงินแล้วทิ้งบริษัทไปโดยฉับพลัน)
เหตุผลที่นักลงทุนย่อมซื้อหุ้นของคุณในราคา 2 บาท ก็เพราะนักลงทุนได้มีการเปรียบเทียบผลตอบแทนแล้วว่า ปลายปีนี้ บริษัทจะทำกำไรได้ 10 ล้านบาท ปันผลให้ผู้ถือหุ้น (หลังเพิ่มทุนมี 50 ล้านหุ้น) เท่ากับ 0.20 บาทต่อหุ้น เท่ากับผลตอบแทน 10% ซึ่งถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก โดยทั่วไปแค่ 5% ก็ถือว่าสูงแล้ว นั่นก็อาจทำให้ราคาหุ้นตัวนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 4 บาทต่อหุ้นในอนาคตได้ ซึ่งก็เท่ากับว่าที่อยู่ในมือคุณมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 4 เท่าทันที มูลค่าหุ้นในมือเจ้าของเดิม 40 ล้านหุ้น (เงินลงทุน 40 ล้านบาท) กลายเป็น 160 ล้านบาทในทันที
-
ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์
การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (มีมูลค่าเพิ่มตลอดเวลา) ก็สามารถให้คุณรวยเร็วแบบก้าวกระโดดได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในทุกปี การลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์นี้ คุณต้องรู้จักช่วงเวลาในการซื้อ – ขาย เนื่องจากมูลค่าของอสังหาฯ จะเพิ่มขึ้นมาก หรือน้อยนั่นขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของปีนั้น ๆ ด้วย หากคุณซื้ออสังหาริมทรัพย์ภายในปี ที่เศรษฐกิจกำลังถดถอย คุณก็สามารถหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ต่ำได้ เนื่องจากเจ้าของมีความต้องการใช้เงิน ที่มีผลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย มีความจำเป็นต้องใช้เงินมากในการลงทุน ดังนั้น เจ้าของจึงตัดสินใจขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช้ประโยชน์ในราคาที่ต่ำ และถ้าในปีที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้น อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ที่คุณลงทุนซื้อมาในราคาถูก ก็จะสร้างผลกำไรให้คุณมากมาย ในเวลาอันรวดเร็ว
นอกจากนี้ คุณยังสามารถลงทุนกับทองคำ หรือเพรชก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นในทุกปี อย่างเช่น ทองคำ เมื่อ 20 ปีก่อนราคาทองตกบาทละ 4,000 บาทเท่านั้น แต่พอมาถึงปัจจุบันก็เห็นได้ว่าราคาทองปรับขึ้นสูงถึง 4 เท่าของราคาเดิม ถ้าเทียบกับการลงทุนอื่น ๆ คุณต้องได้ผลตอบแทนถึง 7.5 – 8 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
การเล่นหุ้น
การเล่นหุ้น หมายถึงการลงทุนในระยะยาว ซึ่งคุณต้องมีความรู้และมีความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นต่างๆ ได้ดี เพื่อให้คุณสามารถก้าวไปสู่ทิศทางในการซื้อ – ขายหุ้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับช่วงเวลาที่คุณลงทุน การเล่นหุ้นนั้นไม่ง่าย หากคุณสามารถทำความเข้าในและมองถึงทิศทางของหุ้นได้คุณก็สามารถทำเงินจากการเล่นหุ้นมากมาย ได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นเดียวกัน และก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมองทิศทางของหุ้นได้ทุกตัว เพราะราคาหุ้นไม่แน่นอน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทำให้บางคนไม่สามารถทำเงินจากการเล่นหุ้นได้นั่นเอง