พนักงานคือทรัพยากรของบริษัทที่มีค่ามากที่สุด ดังนั้นเจ้าของกิจการและบริษัทมักจะให้ความสำคัญกับบุคลากรมากเป็นพิเศษ โดยจัดสวัสดิการต่างๆให้ บริษัทไหนที่ไม่มีสวัสดิการ หรือจัดให้ไม่ดีพอ ในท้ายที่สุดพนักงานที่มีทางเลือกก็อาจย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ลองมาดูกันว่า สวัสดิการตามมาตรฐานของมนุษย์เงินเดือนมีอะไรบ้าง
ข้อแรกคือ เครื่องแบบของพนักงานหรือยูนิฟอร์มต่างๆ
ถ้าเป็นบริษัทประเภทที่มีโรงานมาตรฐาน ก็ต้องจัดเครื่องแบบมาตรฐานให้กับพนักงานด้วย
ข้อสองคือ รถรับส่งพนักงาน
แทนที่จะปล่อยให้พนักงานต้องเบียดเสียดขึ้นรถโดยสารมากันเอง บริษัทจะจัดรถรับส่งให้ ทำให้พนักงานมีความสะดวกสบาย เข้างานได้ตรงเวลา หมดข้ออ้างเรื่องรถติด
ข้อสามคือ บริษัทต้องจัดให้มีโบนัสและค่าทำงานล่วงเวลา
การให้โบนัสถือเป็นขวัญกำลังใจ การให้ค่าล่วงเวลาถือว่าไม่เอาเปรียบพนักงาน
ข้อสี่คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
การมีเงินก้อนนี้ ถือว่าเป็นการช่วยพนักงานออมเงินไปในตัว ถือเป็นความจริงใจที่บริษัทมีให้กับพนักงานอย่างยั่งยืน
ข้อห้าคือ การตรวจสุขภาพและค่ารักษาพยาบาล
ข้อนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการเจ็บป่วยแต่ละที สมัยนี้ใช้เงินไม่ใช่น้อย การที่บริษัทจ่ายให้ในส่วนนี้ ถือว่าลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพนักงานได้มาก
นอกจากสวัสดิการพื้นฐาน 5 ข้อดังกล่าว บางบริษัทสามารถจัดให้มากกว่านี้ ตามขนาดและงบประมาณของบริษัท ยิ่งบริษัทให้สวัสดิการที่ดีมากเท่าไหร่ พนักงานก็มีกำลังใจในการทำงานให้กับองค์กรมากเท่านั้น บางคนทำงานกับบริษัทเดียวทั้งชีวิต ตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ จนถึงวัยเกษียณ สวัสดิการนอกเหนือจากนี้ก็ เช่น การจัดให้ในส่วนของเงินกู้ยืม การให้ส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท การจ่ายโบนัสที่มากเป็นพิเศษ การให้ทุนการศึกษาต่อกับพนักงานรวมถึงบุตรด้วย แน่นอนว่าทุกบริษัทคงไม่สามารถให้สวัสดิการที่เท่าเทียมกันได้ ขึ้นกับฐานะการเงินและนโยบายของผู้บริหารและเจ้าของบริษัทนั้นๆด้วย ขอเพียงได้รับสวัสดิการตามมาตรฐาน เราในฐานะคนทำงานมืออาชีพ ก็ต้องเข้าใจบริษัทและตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ในส่วนของสวัสดิการที่ขาดตกไป เราสามารถ ซื้อหา หรือเก็บออมได้ด้วยตนเอง
คำถามยอดฮิตที่พนักงานประจำชอบถามคือ ก็มีสวัสดิการอยู่แล้ว ทำไมต้องทำประกันเองให้ซ้ำซ้อน
ก็จริงดังที่เขาว่า แต่ไม่ได้ถูกไปทั้งหมด เพราะวงเงินของสวัสดิการย่อมมีขอบเขตและข้อจำกัด บางครั้งเกิดเหตุฉุกเฉิน และบังเอิญไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่สวัสดิการกำหนด เราก็ไม่สามารถใช้สิทธิได้ เช่นการที่เราป่วยตอนอยู่ต่างจังหวัด และต้องรีบเข้าโรงพยาบาลท้องถิ่น ที่ไม่รวมอยู่ในรายชื่อสวัสดิการ ก็จะทำให้เราเสียโอกาสตรงนี้ได้ เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา เราควรจะป้องกันด้วยการซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเพิ่มด้วยตัวเอง ที่นอกเหนือจากเงื่อนไขความคุ้มครองที่บริษัทจัดให้ เพราะแบบประกันสมัยนี้มีมากมายหลายแบบ ที่ตอบโจทย์กับทุกลักษณะของการใช้ชีวิต เช่น เลือกจ่ายเบี้ยน้อยๆ หรือแบบผ่อนส่งก็ได้ หรือจะทำชั่วระยะเวลาสั้นๆก็ได้ หรือจะทำแบบออมไปด้วยคุ้มครองชีวิตไปด้วยก็ได้
นอกจากนี้ยังมีประกันแบบพิเศษที่ให้ผู้ทำประกันสามารถนำเงินค่าประกันส่วนหนึ่งไปลงทุนในกองทุนก็ได้ และเงื่อนไขการจ่ายค่าคุ้มครอง บางแบบไม่ได้จำกัดว่า จะเบิกได้ครั้งเดียว ถ้าเราทำหลายฉบับ ก็สามารถเบิกได้หลายฉบับ ขึ้นกับเงื่อนไขและสัญญาของประกัน ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี และชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง เพราะปัจจุบันแบบประกันมีมากมายจริงๆ แยกย่อยออกไปเยอะมาก ก็ลองเลือกประกันฉบับที่สอง ที่สามารถตอบโจทย์เราได้ และควรดูเรื่องการคุ้มครองในส่วนที่สวัสดิการของบริษัทครอบคลุมไปไม่ถึง สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ต้องเลือกแบบที่เราสามารถจ่ายเบี้ยได้สบายๆ ไม่เป็นภาระ เมื่อทำแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องมานั่งกังวลใจว่าสวัสดิการจะไม่ครอบคลุม เพราะยังมีประกันอีกฉบับที่เรามีสำรองไว้แล้ว