ในปัจจุบันจะเห็นว่ากระแสของการเป็นนักธุรกิจหรือประกอบธุรกิจส่วนตัวเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากคนรุ่นใหม่หรือที่เรียกกันว่า Gen Y ไม่นิยมในการเรียนจบปริญญาตรีและออกมาเป็นมนุษย์เดือนอีกแล้ว จนมีหลาย ๆ เสียงค่อนขอดว่าเด็ก Gen Y ไม่มีความอดทน
ซึ่งในความเป็นจริงมนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนเองก็เริ่มจะก้าวออกมาจาก Comfort zone หรือลาออกจากงานมาเพื่อลงทุนประกอบธุรกิจหรือกิจการส่วนตัวเอง บางคนเริ่มต้นนำเงินเก็บออมของตนเองมาลงทุนในหุ้น บางคนลาออกจากงานเพื่อมาเป็นฟรีแลนซ์ ด้วยความคิดที่ว่า “เป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีวันรวยได้”
อ่านเพิ่มเติม : มนุษย์เงินเดือน ไม่มีวันรวย ไม่จริง … ใช่ไหม ?
สาเหตุที่ค่านิยมของคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการเป็นมนุษย์เงินเดือน
เนื่องจากการมนุษย์เงินเดือนเป็นวิถีชีวิตที่ต้องทำงานหนักและไม่มีความอิสระ ประกอบกับการรับเงินเดือนที่คงที่ตลอด ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าจะทำงานหนักมากขึ้นอย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ที่จุดประกายความคิดว่าการทำธุรกิจนั้นดีกว่า นอกจากนี้การทำงานในระบบค่อนข้างจะมีความกดดันสูงจากหลายฝ่าย รวมไปถึงไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนเบื่อหน่ายกับวิถีชีวิตซ้ำ ๆ และต้องการก้าวออกมาลงทุนด้วยตนเอง
หนังสือต่าง ๆ ที่เขียนเกี่ยวกับความรวยที่สร้างเองได้จากการออกจากวิถีมนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ เล่มที่อยู่ในชั้นวางเองก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนมีประกายของความฝันและคิดว่าการลงทุนด้วยตนเองจะทำให้ร่ำรวยได้ แต่เมื่อลงทุนทำจริงแล้ว บางคนประสบความสำเร็จ บางคนล้มเหลว สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัว หากผู้ใดมีความสามารถจริงในการประกอบธุรกิจก็จะมีรายได้มากกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนเป็นทวีคูณ
ข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน
1.ได้รับเงินเดือนที่แน่นอนทุกเดือน
ไม่ว่าจะทำงานสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อสิ้นเดือนหรือวันที่เงินเดือนออก มนุษย์เงินเดือนจะได้รับเงินเดือนที่แน่นอน ต่างกันกับการลงทุนในธุรกิจของตนเอง ที่ต้องแบกรับภาระหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น การจ่ายเงินเดือนลูกจ้าง บริหารงานเองในด้านต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นภาระกดดันเจ้าของธุรกิจที่หากมนุษย์เงินเดือนไม่ได้สัมผัสด้วยตนเองก็จะไม่รู้อย่างแน่นอน
2.สามารถกู้เงินผ่อนรถและบ้านได้ง่าย
มนุษย์เงินเดือนสามารถกู้เงินเพื่อผ่อนรถและผ่อนบ้านได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ ยิ่งหากรับราชการก็จะมีสวัสดิการเงินกู้เพื่อเอื้ออำนวยให้การกู้เงินเป็นเรื่องง่าย ต่างกับเจ้าของธุรกิจที่หากมีรายได้ไม่แน่นอน บางครั้งธนาคารก็ไม่อนุมัติการกู้นั่นเอง
3.เก็บเงินออมได้เท่ากันทุกเดือน
เมื่อรายรับคงตัว การเก็บออมเงินก็จะสามารถทำได้คงตัวเช่นกันหากผู้เก็บออมมีวินัยในการใช้จ่าย แตกต่างกับเจ้าของธุรกิจส่วนตัวที่หากเดือนใดรายรับน้อยก็ไม่สามารถเก็บออมได้ มิหนำซ้ำหากธุรกิจดำเนินไปได้อย่างไม่ราบรื่นก็อาจจะต้องนำเงินเก็บมาเป็นค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
4.สามารถนำเงินออมไปลงทุนได้
มนุษย์เงินเดือนสามารถนำเงินออมไปลงทุนได้อย่างง่ายดาย โดยอาจจะลงทุนในหุ้น กองทุนเพื่อรับปันผล จัดเป็นการหารายได้แบบ Passive Income ได้อีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างจากเจ้าของธุรกิจที่บางเดือนไม่อาจจะออมเงินให้เป็นก้อนเพื่อลงทุนได้
ข้อเสียของการเป็นมนุษย์เงินเดือน
1.ไม่มีเวลาเป็นของตนเอง
ข้อเสียอันดับหนึ่งของมนุษย์เงินเดือนคือการไม่มีเวลาเป็นของตนเอง นับแต่เช้าจรดค่ำที่ต้องหมกมุ่นอยู่กับการทำงาน หากงานไม่สำเร็จก็อาจจะต้องทำงานล่วงเวลานานขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเสียสุขภาพจิตในการผจญกับการจราจรที่คับคั่งในยามเช้าหากที่ทำงานอยู่ไกลจากที่พักอีกด้วย
2.อาจพบเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดี
สิ่งหนึ่งที่บั่นทอนจิตใจของมนุษย์เงินเดือนได้แก่สังคมในที่ทำงาน หากโชคร้ายพบเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดีก็ยิ่งทำให้การทำงานติดขัดหรืออาจจะถูกกลั่นแกล้งให้งานสำเร็จล่าช้าก็เป็นได้ ต่างจากการทำงานอิสระที่ไม่ต้องพบกับสังคมเพื่อนร่วมงานที่แก่งแย่งแข่งขัน
3.ไม่ว่าจะทำงานหนักหรือน้อยแต่ได้เงินเท่าเดิม
แม้จะได้เงินเดือนเท่าเดิมทุกเดือน แต่หากมนุษย์เงินเดือนทำงานหนักเพียงใดก็ไม่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น ยกเว้นเสียแต่ว่าทำงานล่วงเวลา ต่างกับการทำธุรกิจส่วนตัวที่หากตั้งใจประกอบธุรกิจหรือธุรกิจไปได้ดี รายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
4.สุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยง่าย
เนื่องจากใช้ชีวิตคร่ำเคร่งอยู่กับการทำงาน ทำให้มนุษย์เงินไม่มีเวลาพักผ่อนและออกกำลังกาย แต่ต่างจากผู้ทำงานอิสระที่มีเวลาในการดูแลสุขภาพของตนเองมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ความร่ำรวย ไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของกิจการเท่านั้น แม้จะ เป็นมนุษย์เงินเดือนก็รวยได้ เช่นกันหากมีความตั้งใจมากพอ มีตัวอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนหลายท่าน ดังเช่นตัวอย่างบุคคลที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน นั่นก็คือ คุณมนตรี ศรไพศาล CEO ของบล.กิมเอ็ง ที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนนับแต่เรียนจบปริญญาตรี โดยงานแรกของเขาเริ่มต้นที่บริษัทปูนซีเมนต์ไทยในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ จากนั้นมนตรี ศรไพศาล ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาบริหารธุรกิจจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จึงได้มีโอกาสทำงานในบริษัทหลักทรัพย์จากการชักชวนของกรณ์ จาติกวนิช โดยเริ่มต้นทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์เจเอฟธนาคม คุณมนตรี ศรไพศาล ทำงานอยู่ในแวดวงบริษัทหลักทรัพย์จนกระทั่งก้าวสู่การเป็น CEO ของบล.กิมเอ็งได้ในที่สุด
จะเห็นได้ว่าการจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเดียวเท่านั้น คนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเจ้าของกิจการไม่ควรดูถูกมนุษย์เงินเดือน แต่ควรศึกษาให้ถี่ถ้วนว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแท้ที่จริงคนเหล่านั้นมีความขยัน ตั้งใจจริง หมั่นเก็บออม สิ่งเหล่านี้คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้ ขอให้กำลังใจมนุษย์เงินเดือนทุกคนประสบความสำเร็จได้ตามที่ตั้งใจ