มีหลายๆคนบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่มนุษย์เงินเดือนก็ยังคงได้เงินเดือนเท่าเดิมกันอยู่ งานก็ยังมีให้ทำ บัตรเครดิตก็ยังมีให้ใช้ทำให้มองได้ว่า กลุ่มมนุษย์เงินเดือนยังคงอยู่รอดได้ ไม่โดน ผลกระทบเศรษฐกิจย่ำแย่ ซึ่งสวนทางกับกลุ่มธุรกิจที่บางรายต้องปิดตัวไป บางรายยอดขายลดลง บางรายยังพอประคับประคองไปได้แต่ต้องปรับลดพนักงาน ปรับลดโอที หรือบางแห่งปรับลดพนักงาน สิ่งเหล่านี้ต่างไม่มีผลกระทบกับมนุษย์เงินเดือนจริงหรือ
หากมองกันตามความเป็นจริงกลุ่มคนทำงานที่มีรายได้ทั้งรายวันและรายเดือน ต่างได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า อย่างน้อยก็เรื่องราคาสินค้าที่แพงขึ้นทุกวัน บางอย่างไม่ปรับราคาแต่ลดปริมาณ ซึ่งด้วยความเคยชินทำให้ไม่ค่อยมีคนสังเกตนักว่ารอบๆตัวมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง หลายๆคนยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กินเที่ยวช้อปแบบชิลด์ๆสบายๆเพราะยังไงก็มีบัตรเครดิตไว้รูดซื้อของสิ้นเดือนจ่ายทีจะจ่ายขั้นต่ำ จ่ายเต็มก็ว่ากันไป บางคนนี่เข้าขั้นเสพติดการเป็นหนี้ มีบัตรกดเงินสด เงินสดขาดมือก็กดกันออกมา ถึงสินเดือนก็จ่ายตามยอดขั้นต่ำเพื่อรักษาเครดิต หลังจากนั้นก็กดเช็คยอดแล้วกดออกมาใช้ใหม่บางคนชำนาญการบริการหนี้แบบเฉพาะตัว คือคำนวณวันตัดรอบบัญชี จ่ายวันนี้รออีกกี่วันค่อยกดใหม่ หรือรูดซื้อของวันไหนยอดจะเด้งไปอีกรอบบัญชี มีหลายคนใช้หมุนเวียนแบบนี้จนเคยตัวและไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ แบบนี้ไม่เรียกเสพติดการเป็นหนี้ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร
แม้ว่าหลายๆคนจะรู้สึกว่าเงินรายได้ที่มีเข้ามาค่าของมันลดลง เพราะเป็นไปตามกลไกของเศรษฐกิจ เงินเดือนหลักหมื่นบางคนบอกมันน้อยไป เงินเดือนหลักแสนยังแทบไม่เหลือ แต่คนเหล่านั้นที่มักบอกว่าไม่พอไม่เหลือมันมาจากไหนและเพราะอะไร หาสาเหตุไม่ได้หรือไม่คิดจะหา สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนเสพติดการเป็นหนี้ และแนวโน้มการเงินในอนาคต ค่าเงินจะลดลงเรื่อยๆ เงิน 100 ทุกวันนี้แทบจะหมดความหมายไปแล้วคิดง่ายๆ กินข้าวกลางวันในย่านละแวกที่ทำงานส่วนใหญ่จ่ายกันขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาท เงิน 100 บาทกินข้าวได้เพียง 2 มื้อแบบประหยัดๆ ของแพงขึ้นค่าเงินลดลงมันหมุนเปลี่ยนไปตามเวลาและการเปลี่ยนแปลง ปีนี้ภาคธุรกิจปิดตัวไปหลายแห่ง คนตกงานร่วมหมื่นจากการปลดออกตามระบบ ยังไม่รวมที่ลาออกเอง หรือ โดนไล่ออก แล้วปีหน้าจะขนาดไหน เศรษฐกิจยังคงนิ่งๆ คนที่อยู่รอดก็ต้องมีการปรับตัว มีการเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่าง
อ่านเพิ่มเติม >> ทำไมคนถึง ออกจากงาน ทั้งๆที่เศรษฐกิจไม่ดี ? <<
แต่มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากยังคงไม่รู้สึกกับความเปลี่ยนแปลงนี้ยังคงชิลด์ๆ สบายๆ จนมีหลายๆคนที่ออกจากงานมาทำธุรกิจเล็กๆ เปิดร้านขายสินค้า หรือ ขายของออนไลน์ ต่างบอกกันว่า “ขายอะไรก็ได้แต่ต้องให้ดึงดูดพวกมนุษย์เงินเดือน สินค้าต้องเน้นวัยทำงาน เทรนด์อาหารและเครื่องดื่มต้องเน้นวัยทำงาน ยิ่งพวกมนุษย์เงินเดือนชอบยิ่งดี คนกลุ่มนี้ยังจ่ายได้แบบไม่เดือดร้อน “
จากประโยคนี้พอจะมองเห็นได้ว่า กลุ่มมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงภาพรวมของเศรษฐกิจ ยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้สภาวะการเงินมันมีความผันผวนไปทั่วโลก ไม่มีการระวังหรือวิตกกันว่าหากตกงานกะทันหันจะทำอย่างไร
หลายๆคนที่รู้สึกและมองการณ์ไกล มักจะมีทางสำรองไว้ เช่น เก็บออมเงิน มีอาชีพที่สองเช่นอาชีพเสริมต่างๆ บางคนก็เน้นการประหยัด ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น บางคนลดภาระหนี้สินและไม่สร้างหนี้เพิ่ม ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ดีแม้ว่าภาครัฐหรือเอกชน สถาบันการเงินจะออกมาพูดกันว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนะ จับจ่ายใช้สอยกันเถอะให้เงินหมุนเวียนในระบบ กระจายรายได้ โปรโมชั่นสินเชื่อต่างๆมากมาย
แต่หากไม่มีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังวันไหนที่ตกงาน ไม่มีเงินเดือน แถมมีภาระหนี้สินรุงรัง เงินเก็บก็น้อย งานไม่มีทำ ใครจะรับผิดชอบให้นอกจากตัวเองที่ไม่มีการเตรียมพร้อมกับเรื่องเหล่านี้ แนวโน้มการเงินในอนาคต เอาใกล้ๆแค่ปี 2559-2560 ตราบใดที่ประเทศยังไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีความมั่นคงทางการเมือง เตรียมใจไว้เลยว่าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นไปมากกว่านี้ ดังนั้นควรเตรียมพร้อมในการรับมือกับเศรษฐกิจในอนาคตให้ดีๆเพราะไม่แน่อยู่ดีๆอาจจะโดนลอยแพออกจากงานก็ได้ใครจะรู้
อ่านเพิ่มเติม >> คนแบบไหนที่ เสี่ยงต่อการตกงาน ! <<