ภายใต้สังคมวัยทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามบริษัทต่าง ๆ รวมไปถึงบนเว็บบอร์ดที่มีผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน เราคงจะได้ยินวลีที่ว่า “แผนกอื่นทำงานแทบตายเพื่อให้ฝ่ายเซลส์ได้ไปกินอาหารห้าดาว พักโรงแรมห้าดาว ได้ไปต่างประเทศ” กันมาบ้าง ยิ่งในบางบริษัทพนักงานจากแผนกอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังหรือแบ็คอัพ มีอคติต่ออาชีพเซลส์ที่เข้มข้นมากทีเดียว
เพราะฉะนั้นในบทความนี้ เราจะมาชำแหละอาชีพ 2 อาชีพนี้กัน แล้วจะวิเคราะห์กันดูว่าเพราะเหตุใด จึงมักเกิดวลีดังกล่าวขึ้นมาอยู่บ่อย ๆ
เริ่มจากฝ่ายแบ็คอัพหรือจะเรียกว่า พนักงานเบื้องหลัง ตามคำศัพท์ในภาษาไทยก็ได้
ตำแหน่งนี้ จากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเน้นการซัพพอร์ต ทำงานเบื้องหลังเป็นหลัก เพราะฉะนั้นหน้าที่ของตำแหน่งนี้จึงมักจะเป็นการผลิตสินค้า วิจัยสินค้า รวมไปถึงการทำอาหาร จัดสถานที่เพื่องานของบริษัทด้วยและเมื่อจัดการสินค้า จัดการสถานที่เสร็จแล้ว สิ่งที่ฝ่ายแบ๊กอัพต้องทำต่อไปก็คือ ไปอยู่ที่ใดที่หนึ่งที่ทางบริษัทกำหนดไว้หรือกลับไปทำงานในห้องของตัวเอง หากยังไม่มีหน้าที่อย่าเสนอหน้าออกมาเด็ดขาด เรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งที่ต้องทำงานกันแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของบริษัทอย่างเคร่งครัด หากบริษัทกำหนดเวลาว่าต้องเข้าแปดโมง เลิกหกโมงเย็น พักเที่ยงได้แค่ครึ่งชั่วโมง แบ๊กอัพก็ต้องปฏิบัติตามนั้น
ในขณะที่ฝ่ายเซลส์หรือที่เรียกว่าพนักงานเบื้องหน้าในภาษาไทย
ตำแหน่งนี้จะมีหน้าที่ที่ตรงข้ามกับแบ๊กอัพแทบทุกอย่าง กล่าวคือ เมื่อบริษัทต้องการต้อนรับใคร ฝ่ายเซลส์นี่แหละที่จะต้องออกมาเสนอหน้า หากบริษัทต้องดำเนินการติดต่อกับต่างประเทศหรือติดต่อกับลูกค้าระดับสูง ๆ ฝ่ายเซลส์มักจะได้ อานิสงส์ ได้ไปต่างประเทศ ได้ไปพักโรงแรมห้าดาว ได้รับประทานอาหารสุดหรูและด้วยความที่เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ทำให้ได้ใส่เครื่องแบบที่หรู ดูดี มีระดับ สามารถแต่งหน้าให้สวยอยู่ตลอดเวลาได้ แถมยังไม่ต้องมาทำงานตรงเวลาอีกด้วยเนื่องจากไม่มีหน้าที่ต้องผลิตสินค้า หรือจัดการอะไร ๆ ให้กับบริษัท เอาแค่เป็นหน้าเป็นตาก็พอแล้ว แต่ในส่วนของกฎระเบียบอื่น ๆ เกี่ยวกับบริษัท ผู้ทำตำแหน่งเซลส์ก็ยังคงต้องปฏิบัติตามอยู่
หากท่านผู้อ่านท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อาจจะมองว่าอย่างนี้ตำแหน่งเซลส์ก็จัดว่าเป็นตำแหน่งที่เอาเปรียบฝ่ายแบ็คอัพนะสิ งานก็ไม่ต้องเข้า เข้าแค่ตอนเขาเรียกใช้เท่านั้น แถมยังมีโอกาสได้ไปพักโรงแรมห้าดาว รับประทานอาหารหรู ๆ อีกด้วย ในขณะที่ฝ่ายแบ๊กอัพบางทีทำงานมากว่าครึ่งชีวิตยังไม่มีโอกาสได้ไปโรงแรมห้าดาว ได้ไปรับประทานอาหารหรู ๆ เหมือนกับที่พวกเซลส์ได้ไปเสียเลยด้วยซ้ำ ถ้าผู้อ่านท่านใดกำลังคิดอย่างนี้อยู่ ขอจงโปรดทำใจให้เป็นกลางเพราะอย่างที่บอกว่าในบทความนี้ เราจะชำแหละ 2 อาชีพนี้กัน หากชำแหละจบแล้วและท่านยังคงคิดอย่างนี้อยู่เราก็ไม่ว่ากัน
ก่อนอื่นอย่างที่เรารู้กันว่าพนักงานตำแหน่งแบ็คอัพเป็นตำแหน่งที่มีกฎระเบียบเข้มงวด ต้องเข้างานในเวลาที่บริษัทกำหนดและทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ซึ่งบางครั้งกฎระเบียบมันเคร่งครัดเกินไปและบริษัทก็ทำประหนึ่งว่าจะใช้งานฝ่ายนี้ให้คุ้ม ทำแทบตายแต่บริษัทไม่เห็นค่า จนหลายคนเกิดความเครียดอยากลาออกก็มี แต่รู้หรือไม่ว่าตำแหน่งแบ๊กอัพจะมีเวลาที่เป็นเวลาของบริษัทอยู่เพียงตามที่แต่ละบริษัทกำหนดไว้เท่านั้น อย่างเช่น 08.00 น. ถึง 18.00 น. หรือจะเป็นเวลาอื่นอันนี้ก็แล้วแต่บริษัท เมื่อหมดเวลาทำงาน ช่วงเวลาหลังจากนี้นี่แหละคือเวลาส่วนตัวของพนักงานฝ่ายนี้ พวกเขาสามารถไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่มีงานตามมารบกวนถึงบ้าน อีกทั้งหากพนักงานคนใดอยู่ในสภาพไม่พร้อมทำงาน เช่น ป่วย มีธุระ ญาติเสีย เขาผู้นั้นก็สามารถมาทำเรื่องลากับบริษัทให้เป็นเรื่องเป็นราวได้ ซึ่งบริษัทจะกำหนดเวลาทำงานชดเชยมาให้ในภายหลัง พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าไม่อยู่ในบริษัทก็จะไม่มีงานตามมารังควาญหรือถึงจะมี ก็มักจะเป็นงานที่สามารถทำในภายหลังได้
ในขณะที่พนักงานฝ่ายเซลส์ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ว่าดูเหมือนสบาย ได้ไปนู่นไปนี่ ไปพักโรงแรมหรู ได้รับประทานอาหารราวกับพระราชา แต่รู้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องประสบกับภาวะขมขื่น และความเครียดที่มากกว่าฝ่ายแบ๊กอัพถึง 2 เท่า ช่วงเวลาทั้งวันทั้งคืนของพวกเขาคือเวลาของบริษัท ไม่มีเวลาไหนที่เป็นเวลาส่วนตัว บางทีถูกเรียกให้ไปทำงานตอนตี 2 หรือโทรมาตอนเที่ยงคืนให้จัดกระเป๋าเตรียมเดินทางตอนตี 1 เป็นต้น จะปิดโทรศัพท์เพื่อหาเวลาพักผ่อนก็ไม่ได้เพราะจะถูกโวยวายทันที ที่สำคัญคือ แม้กระทั่งเวลาเจ็บป่วยก็ยังถูกเรียกใช้งาน เรียกได้ว่าหากเซลส์คนไหนต้องการพักผ่อน ย่อมมีทางเลือกอยู่แค่ 2 ทาง คือ ตายหรือลาออกซะ อีกทั้งเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานหรือมีอะไรไม่ถูกใจ ฝ่ายที่จะโดนลูกค้าด่าก็คือฝ่ายเซลส์ หาได้เป็นฝ่ายแบ๊กอัพไม่ นี่ยังไม่รวมถึงภาวะการวางตัวที่ยากลำบาก หากเจอลูกค้าดีก็ดีไป แต่ถ้าไปเจอลูกค้าอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจตัวเอง หรือลูกค้าชีกอที่จ้องจะเคลมเซลส์ ย่อมเกิดเภาวะความเครียดหรืออาการลำบากใจได้ง่าย ๆ
หลังจากที่เปรียบเทียบทั้ง 2 อาชีพนี้มาเสียยืดยาวแล้ว จึงนำมาเป็นข้อสรุปว่า ไม่มีตำแหน่งใดที่สบาย ได้เงินเยอะ ๆ โดยที่ไม่ต้องประสบกับภาวะความเครียด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเซลส์หรือฝ่ายแบ็คอัพ ต่างก็ต้องประสบกับภาวะความยุ่งยากใจด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเจอในรูปแบบใดก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นขอให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนทุกคนจงให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน อย่ามัวแต่เหยียดหยามหรืออิจฉาริษยากันอยู่ต่อไปอีกเลย เพื่อที่สังคมในบริษัทจะได้สงบสุขขึ้น