เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของลูก ๆ ก็จะทำให้เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้การบริหารและจัดการเงินจากพฤติ กรรมของครอบครัวได้ อย่าลืมว่าการสร้างนิสัยการออมที่ดีนั้นเกิดมาจากการมีตัวอย่างที่ดีจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งการปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเงินจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง การนับเงินทอนทุกครั้งก่อนที่จะทำการเก็บเงิน หรือการรู้จักเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และการใช้คูปองส่วนลด หรือการซื้อผลไม้ตามฤดูกาลเพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่า ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นวางแผนการออมเพื่อการลงทุนในอนาคต เรามาดูข้อมูลการออมเงินแบบง่ายๆ ที่น้อง ๆ หนูๆ ในวัยเรียนสามารถนำไปใช้จนทำให้เกิดเป็นการสร้างนิสัยการออมเงินได้ ซึ่งจะได้เป็นการบริหารเงินที่ดีต่อไปในอนาคตได้นั่นเอง
การออมเงินสำหรับน้องวัยเรียนในระดับประถม
หลาย ๆ คนคงคิดว่าการเก็บออมเงินสำหรับเด็กนักเรียนอาจเป็นเรื่องยาก ได้เงินค่าขนมก็แค่นิดเดียว จะเอาเงินที่ไหนมาเหลือใช้เหลือเก็บ เพราะเพื่อนอาจจะชวนซื้อขนม หรือไปเที่ยวเล่น พอเงินหมดก็ขอพ่อแม่แค่นั้นเอง ซึ่งการปลูกฝังนิสัยการเก็บออมเงินที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะสามารถเริ่มได้แบบง่าย ๆ และเหมาะสมกับวัยเด็กน้อย หากเป็นน้องๆ อยู่ระดับวัยประถม ก็ให้เงินค่าขนมรายวัน และสอนให้ลูกน้อยรู้จักหัดออมเงินวันละ 5-10 บาท นำไปหยอดกระปุกจนให้เกิดเป็นนิสัยติดไปจนโต หากน้องวัยมัธยมก็อาจจะเปลี่ยนเป็นให้เงินรายสัปดาห์ แล้วหัดให้แยกเงินออมส่วนหนึ่ง ซึ่งก็จะคล้าย ๆ กับวิธีการออมเงินของมนุษย์เงินเดือน ซึ่งวิธีการเริ่มต้นในการสอนลูก ๆ เกี่ยวกับความ สำคัญของการออมเงินนั่นก็คือ การพาไปเปิดบัญชีเงินฝาก และให้ทำการตั้งเป้ายอดเงินออม ทั้งนี้ก็เพื่อที่เขาจะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้ในสิ่งที่อยากได้และอยากทำต่อไปนั่นเอง
วิธีการออมเงิน เริ่มต้นได้ง่าย ๆ นิดเดียว
1.จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย
การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยได้ทำ เพราะรู้สึกว่าทำไมมันต้องวุ่นวายขนาดนี้ เพระจะต้องคอยจดและคอยบันทึกเสมอในแต่ละวัน ซึ่งหารู้ไม่ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ มาก ๆ ที่สามารถช่วยเตือนใจให้น้องๆ และทุกๆ คนไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยได้ดีที่สุดวิธีหนึ่งเลยทีเดียว แถมยังสามารถช่วยทำให้คุณเห็นรายได้ รายจ่าย และจำนวนเงินออมที่มีการเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลทำให้มีกำลังใจในการเก็บออมต่อไปได้อีกด้วย
2.เปิดบัญชีออมทรัพย์
แม้ว่าน้องๆ จะเป็นนักเรียน หากเรามีการสร้างนิสัยในเรื่องของการออมเงินที่ดี ก็จะทำให้อนาคตสดใสได้เช่นกัน หากมีเงินมากก็ฝากมาก หากมีเงินน้อยก็ฝากน้อย แต่ไม่ว่าจะได้เงินกี่ครั้งก็ลองแบ่งเงินเก็บเพื่อนำมาทำการฝากในบัญชีไว้ทุกครั้ง เมื่อน้อง ๆ ทำแบบนี้จนเป็นนิสัย ต่อไปในอนาคตพอทำงานมีเงินเดือน ก็จะสามารถจัดสรรปันส่วนเงินเดือนมาออมได้ทุกเดือนเหมือตอนเด็ก ๆ และแม้ว่าบัญชีออมทรัพย์จะมีดอกเบี้ยน้อยก็จริง แต่อย่างน้อยจะเป็นการสร้างความคิดให้เด็กนักเรียนว่ามีการสะเงินจากก้อนเล็ก ๆ แต่วามารถเก็บไปเรื่อย ๆ จนทำให้กลายเป็นเงินก้อนโตได้ในอนาคต
3.ส่งเสริมประสบการณ์การทำงาน
พ่อแม่ควรจะสอนให้ลูกน้อยได้มีโอกาสเรียนรู้ความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองที่อยู่ภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้านแล้วแต่โอกาสเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการ ช่วยล้างจาน จัดเตียงนอน ซักผ้า เก็บกวาดบ้าน ที่คุณแม่สามารถให้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นรางวัลในการทำงาน เพื่อช่วยสอนให้น้อง ๆ ได้เห็นคุณค่าของเงินได้อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นบทบาทที่สำคัญต่อการปลูกฝังนิสัยด้านการเงินให้เด็ก ๆ ได้ควรรู้ และสร้างความเข้าใจที่มาของเงิน เพราะทุกวันนี้มีเด็กหลายคนที่ไม่เข้าใจ และไม่พยายามที่จะเรียนรู้เรื่องนี้ว่า ทำไมคนเราจะต้องทำงาน หรือการทำงานก็เพื่อที่จะให้ได้เงินมา ไม่ใช่นั่งรอให้มีคนเอาเงินมาให้
4.ควบคุมความอยากมีและอยากได้
ไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตาม คนเรามักจะมีความอยากได้อยากมีอยู่เสมอ แม้แต่เด็กๆ ในช่วงเปิดเทอมก็อยากจะได้กระเป๋าใหม่ รองเท้าใหม่ เสื้อผ้าใหม่ ฯลฯ ไม่ว่าจะจำเป็นหรือไม่ก็ตามแต่มันกลายเป็นค่านิยมที่จะต้องซื้อใหม่ทุกช่วงเปิดเทอม ดังนั้นหากเรารู้จักการวางแผน และเรียงลำดับความสำคัญให้ลูกเข้าใจว่าอะไรจำเป็น และอะไรไม่จำเป็น อะไรต้องซื้อก่อนหลัง ซึ่งบางครั้งอาจไม่ต้องเข้าร้านอาหารกินอาหารแพง ๆ แต่สามารถทำแซนวิช หรือนำอาหารจากที่บ้านไปทานที่โรงเรียนก็ยังได้ ซึ่งจะสามารถช่วยออมเงินได้อีก สิ่งสำคัญคือ การไม่ตามเทรนด์ตามแฟชั่นและตามเพื่อนยุก็จะช่วยประหยัดได้อีกมาก
การเก็บออมเงินไม่ได้จำเป็นจะต้องรอให้โตเป็นผู้ใหญ่ก่อน ไม่ต้องรอให้มีงานหรือมีรายได้ก่อนถึงจะทำการออมได้ แม้แต่เด็กวัยเรียนที่ได้เงินรายวัน รายสัปดาห์จากพ่อแม่ก็สามารถจัดการเรื่องการออมเงินได้แล้วเหมือนกัน วิธีดังกล่าวจะสามารถช่วยสร้างวินัยในการออมเงินที่ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ สามารถดำเนินชีวิตเมื่อเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานได้อย่างสบายยิ่งขึ้น