สำหรับหลายๆ คนที่ชื่นชอบในการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจนั้น ต้องพลาดไม่ได้กับหนังสือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้านเนื่องจากสาระในเล่มเป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดและทำให้เราทุกคนรู้จักแผนการวางระบบการเงิน ผู้อ่านเองสามารถนำมาประยุกต์เพื่อใช้กับตัวเองได้อีกด้วย
ในเล่มเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของT. Harv Eker กับคำคมที่ว่า ฉันมีสมองเงินล้าน ทำให้หนังสือเล่มนี้กลายเป็นกระแสนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นต้นแบบของการจัดการเรื่องระบบทางการเงิน เป็นเสมือนแฟ้มข้อมูลในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวกับเรื่องเงินทอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการหาเงินได้เร็วที่สุด มากที่สุด การจับจ่ายใช้เงินที่คุ้มค่าที่สุด รวมไปถึงเก็บเงินอย่างไรดีที่สุด
Harv Eker ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การ ที่สามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนที่ถังแตกให้กลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน ด้วยเคล็ดลับและแนวคิดในหนังสือเล่มนี้บ่งบอกได้เลยว่าเขาสามารถฟื้นตัวและกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งข้อคิดที่ว่านั้นมีดังต่อไปนี้ค่ะ
คนรวยเชื่อว่าสามารถมารถควบคุมชะตาตัวเองได้ แต่คนจนคิดว่าชีวิตตนเองขึ้นอยู่กับโชคชะตา
เป็นความคิดที่แตกต่างที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแนวคิด หรือความเชื่อของตัวเองเพื่อที่จะได้สัมผัสกับคำว่าประสบความสำเร็จดังเช่นผู้อื่นบ้าง ไม่ว่าใครก็สามารถกำหนดชีวิตของตัวเองได้ทั้งนั้น ชีวิตเราเป็นของเรา เราสามารถชี้ได้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน อย่ามัวแต่โทษ หรือพึ่งพาโชคชะตาเลยนะคะ เพราะมิเช่นนั้นมันคงจะไม่มีทางพบเจอกับคำว่าประสบความสำเร็จแน่นอน
คนรวยเล่นเกมส์เพื่อที่จะเอาชนะ แต่คนจนเล่นเกมส์เพื่อไม่ให้แพ้
ดูเหมือนว่าจะคล้ายๆกันนะคะ สำหรับข้อคิดนี้ แต่กลับตรงกันข้ามมันแตกต่างกันมาก ถ้าจะให้ยกตัวอย่างเปรียบเสมือนการทำงาน คนรวยทำงานเพื่อหวังความมั่นคง หวังความก้าวหน้าในชีวิต แต่คนจนทำงานเพียงเพื่อเงินตัวเดียว ดังนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีข้อแตกต่างกัน เปาหมายต่างชีวิตเปลี่ยน ดังนั้นลองปรับความคิดและมองข้างหน้าให้มากขึ้น รับรองได้เลยว่าคุณจะเป็นอีกหนึ่งคนที่จะพบกับคำว่าประสบความสำเร็จแน่นอน
คนรวยยอมทุ่มเทเพื่อความรวย แต่คนจนแค่อยากรวย
ไม่ว่าใครก็อยากรวย อยากมีด้วยกันทั้งนั้น แต่จะแตกต่างกันตรงที่ว่าคนรวยเมื่อคิดได้จะมีการลงทุนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ (ความรวย เงินทอง )มา แต่คนจนไม่กล้า กลัวการลงทุน หรือการทุ่มเท เพียงแค่อยากเพียงอย่างเดียวมันไม่ได้ผลหรอกนะคะ หากเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องไปโทษอะไรหรอกว่าทำไมตนเองถึงตกอยู่ในวังวนเดิมๆ
คนรวยจนใจโอกาส คนจนสนใจอุปสรรค
ไม่ว่าจะดำเนินการในส่วนไหนก็ตามจะต้องพบเจอกับอุปสรรคและขวากหนามด้วยกันทั้งนั้น แต่มีสองแนวคิดที่บ่งบอกได้เลยว่าแนวคิดไหนจะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้มากที่สุดนั่นคือ การคิดว่าอุปสรรคเหล่านั้นเป็นโอกาสที่เพิ่มเข้ามาให้ตนเองได้ศึกษาเรียนรู้ แนวคิดเช่นนี้ส่วนมากเป็นการสร้างเกราะให้เรามีภูมิต้านทานได้มากยิ่งขึ้นและส่วนใหญ่คนรวยจะเป็นเช่นนี้ สำหรับคนจนจะคิดเพียงว่าเป็นอุปสรรค ขวากหนาม เพียงเท่านั้น ไม่ได้มองเชิงลึกเลยว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าสอนอะไรเราบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่คนจนหลายคนเกิดความท้อ
คนรวยชื่นชมความสำเร็จของคนอื่น คนจนชิงชังคนที่ประสบความสำเร็จ
จะดีกว่ามั้ย หากเปลี่ยนจากการเกลียดชัง อิจฉา เป็นการชื่นชมและนำแนวคิด ประสบการณ์ที่เขาผ่านมามาประยุกต์ใช้กับการทำงานของตัวเองบ้าง มันไม่ได้มีสาระที่จะต้องไปอิจฉา หรือชิงชังเพราะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์เลย ตรงกันข้าม หากมีความเป็นมิตรเรายังสามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือ หรือคำปรึกษาได้อีกด้วย
คนรวยมองโลกในแง่ดี คนจนมองโลกในแง่ร้ายเสมอ
ไม่ว่าจะเป้ฯการดำเนินชีวิต หรือการลงทุน สำหรับคนรวยแล้วจะคิดเพียงว่าทุกอย่าจะต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้แต่ความลำบาก เขายังคิดว่าเป็นเพียงบททดสอบที่ผ่านเข้ามาเพื่อทำให้เขาได้เรียนรู้ แต่สำหรับคนจนคิดนั่น โน่น นี่ และกลัวก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ
คนรอยมองปัญหาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่คนจนมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่
ในลงมือทำอะไรนั้น ไม่ว่าล้วนได้สัมผัสกับปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ หากเรามองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย แต่หากมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็อยากหน่อยนะคะ ทั้งนี้ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับเราด้วย
คนรวยจะติดตามผลงานของตัวเอง แต่คนจนเลือกที่จะรับเงิน
ในการทำงานตรงกันข้ามกันเลยระหว่างคนรวยกับคนจน เนื่องจากคนรวยจะทำงานเพื่อตนเอง จะนึกถึงผลในระยะยาว แต่คนจนมองได้แค่เพียงรายได้ หรือผลตอบแทนเท่านั้น
คนรวยเรียนรู้ตลอดเวลา คนจนคิดว่าตนเองดีอยู่แล้ว
การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ นั้นเป็นการสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วหยุดนะคะ เพราะโลกไม่เคยหยุดเดิน สิ่งใหม่ได้มีการเพิ่มขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้และเลือกที่จะศึกษาเป็นการถือไพ่เหนือกว่า