ยุคนี้สมัยนี้ใครๆก็ตั้งเป้าหมายทางการเงินว่า จะต้องไปให้ถึงจุดที่เป็นอิสรภาพทางการเงิน หรือไม่ก็อยากมีฐานธุรกิจที่ใช้เงินทำงาน เราจึงเห็นหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นและการลงทุนออกมาวางขายเต็มแผงหนังสือ เมื่ออ่านหนังสือแล้วก็เคลิ้มไปว่า ใช่เลย ฉันอยากเป็นนักลงทุน ฉันจะต้องร่ำรวยจากการเล่นหุ้น จากนั้นก็กระโจนเข้าไปในตลาดหุ้น ซื้อๆขายๆ อยู่ระยะหนึ่ง กลับพบว่า ตัวเองขาดทุน ทำไมการเล่นหุ้นไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่หนังสือเขาเขียนไว้ ทำไมพอร์ตเราไม่เขียวเหมือนกูรูหุ้นที่เอามาโชว์ทางเฟสบุ๊ค หรือว่าเขาหวงวิชา ถ่ายทอดให้เราไม่หมด แต่ก็ยังพยายามต่อไป สุดท้ายพบว่ายิ่งเล่นเงินยิ่งหายไป เมื่อเป็นดังนี้ นักเล่นหุ้นหน้าใหม่ก็จะย้ายอาจารย์ไปเรื่อยๆ ตามหาอาจารย์เก่งๆมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ได้ๆเสียๆ จนไม่รู้จะเอายังไงต่อดี
อ่านเพิ่มเติม : เล่นหุ้นไม่ใช่งานง่ายและไม่รวยเร็ว “อย่างที่คิดฝัน”
ผู้เขียนเคยเล่นหุ้นอยู่หลายปี พบความลับว่าการลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกับสภาพร่ายกายและจิตใจของตัวเองอย่างมาก เคยรู้จักนักลงทุนมืออาชีพ พบว่าเขาให้ความสำคัญต่อทัศนคติ ความเชื่อ และดูแลร่างกายเป็นอย่างดี ช่างเหมือนกับตารางฝึกของนักกีฬาอาชีพทั้งหลาย นักเล่นหุ้นมืออาชีพได้ให้ข้อคิดกับผู้เขียนว่า คนเล่นหุ้นแท้จริงแล้วไม่ได้ซื้อขายหุ้นไปตามตลาด พวกเขาตัดสินใจซื้อขายหุ้นตามระบบความเชื่อของตัวเอง ไม่มีใครสามารถรู้ว่าวันนี้หุ้นจะขึ้นหรือลง และถ้าลงจะลงแรงไหม ถ้าขึ้นจะขึ้นรุนแรงหรือเปล่า ส่งที่เราต้องโฟกัสคือ ระบบความเชื่อและรบการซื้อขายของเรา อย่าพยายามไปทำนายตลาด เพราะไม่มีใครทำนายตลาดได้ถูกต้องทุกครั้ง แทนที่จะลงทุนกับตลาดหุ้น ให้หันมาลงทุนในตัวเองทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ทัศนคติ ความคิดและความเชื่อ
การลงทุนกับร่างกายนับว่ามีความสำคัญเพราะถ้าร่างกายป่วยไข้ ก็พาให้จิตใจหดหู่ไม่สดชื่น สมองก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ การลงทุนด้านจิตก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าจิตใจไม่ปกติ มีความทุกข์ ร่างกายก็พลอยอ่อนล้าและอาจไม่สบายได้ ทั้งร่างกายและจิตใจจึงมีความสัมพันธ์กัน แต่เหนืออื่นใดนั่นคือความคิด ความเชื่อ ที่จะส่งผลต่อร่างกายและจิตใจมากที่สุด ถ้าเรามีความเชื่อที่ผิด เราย่อมเดินทางผิด เข้าใจเรื่องราวผิด และหลงทางในที่สุด
ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนในตลาดหุ้น ลองหันมาลงทุนกับตัวเองก่อนดีไหม
เริ่มจากลงทุนทางด้านร่างกาย ด้วยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และเป็นการปลดปล่อยความเครียดและความกดดันที่พบเจอมาในชีวิตประจำวัน เมื่อร่างกายดี ก็พยายามฝึกจิตให้มีจิตใจที่ดี สามารถควบคุมตนเองได้ มีวินัยในการทำงาน รวมทั้งมีวินัยในการดูแลร่างกายด้วย การลงทุนในความเชื่อนับว่าสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าเราเชื่อผิดๆ ย่อมไม่มีวันไปถึงจุดหมาย เช่น เราจะไปเชียงใหม่ แต่ไปขึ้นรถที่สายใต้ ก็ไม่มีวันที่จะถึงเชียงใหม่ เว้นแต่จะวิ่งอ้อมไปอ้อมมา ก็ทำให้เสียเวลาอยู่ดี การลงทุนในความเชื่อมีความยากอยู่ ตอนที่เราเชื่อนั้น เราไม่รู้พรอกว่า ความเชื่อนั้นจะพาเราไปถึงจุดหมายได้หรือไม่ จนกว่าเราจะได้ทดลองและลงมือทำตามความเชื่อนั้นเสียก่อน จึงจะเห็นผล ขั้นตอนนี้ จึงเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นาน
จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ทำให้เราประสบความสำเร็จไม่ว่าเรื่องใดๆ มักประกอบด้วย 3 ด้านเสมอ คือ ร่างกาย จิตใจ และทัศนคติแนวคิดหรือความเชื่อนั่นเอง โดนเฉพาะกับตลาดหุ้นที่นับได้ว่า มีคนประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้นไม่มาก โดยเฉลี่ยแล้ว ใน 100 คนจะมีคนที่ได้กำไรและดำรงชีพอยู่ด้วยการเล่นหุ้นไม่ถึง 10 คน สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคือ เรื่องของทัศนคติความเชื่อ คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ตลาดหุ้นจะทำให้เขาร่ำรวยเงินทองได้ง่าย จึงไม่ได้เตรียมอะไรมาก กว่าจะรู้ตัวว่าการทำเงินให้ได้สม่ำเสมอในตลาดหุ้นเป็นเรื่องยาก ก็สูญเสียเงินไปเกือบหมดแล้ว หรือกว่าจะพบคนที่สามารถชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องก็กินเวลาหลายปี