สิงคโปร์ แจกเงินหมื่น ช่วยค่าครองชีพประชาชนกว่า 2.4 ล้านคน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไม่เพียงแค่บ้านเราที่มีนโยบายแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในชาติ ประเทศใกล้เคียงอย่างสิงคโปร์ก็มีด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดได้ประกาศมาตรการใจป้ำ สิงคโปร์ แจกเงินหมื่น ช่วยค่าครองชีพ ให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยชาวสิงคโปร์กว่า 2.4 ล้านคนจะได้รับเงินช่วยเหลือสูงสุดถึง 400 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 10,000 บาท) ในเดือนกันยายนนี้ มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนช่วยเหลือประชาชนระยะยาว 5 ปี (2022-2026) เพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จะมีรายละเอียดอะไรที่นาสนใจ ไปดูเพิ่มเติมกัน
เปิดเหตุผลนโยบายแจกเงินในสิงคโปร์
- บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
- กระตุ้นการบริโภค เงินที่แจกจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
- สร้างความเชื่อมั่น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดูแลประชาชน
ใครบ้างที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ
- ชาวสิงคโปร์ที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป
- ไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเองมากกว่า 1 รายการ
- มีรายได้พึงประเมินรายปีไม่เกิน 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2.7 ล้านบาท)
จำนวนเงินที่จะได้รับขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละคน โดยอยู่ในช่วง 200-400 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 5,000-10,000 บาท)
วิธีการขอใช้สิทธิ์ที่ได้รับ
- เชื่อมโยงหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน (NRIC) กับระบบ PayNow
- ทำการเชื่อมโยงภายในวันที่ 26 สิงหาคม 2024
- หากดำเนินการเรียบร้อย จะได้รับเงินตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2024 เป็นต้นไป
ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมีทั้งหมด 12 แห่ง ได้แก่ Bank of China, CIMB, Citibank, DBS/POSB, HSBC Bank, ICBC, Maybank, OCBC Bank, RHB Bank, Standard Chartered, Trust Bank และ UOB
มาตรการเสริมอื่น ๆ
นอกจากการแจกเงินสดแล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ยังมีมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เช่น
- ส่วนลด U-Save สำหรับค่าสาธารณูปโภค
- บัตรกำนัลสภาการพัฒนาชุมชน (CDC)
- ส่วนลดค่าบริการ และการอนุรักษ์ (S&CC)
- การจ่ายเงินสดเพิ่มเติมในรูปแบบอื่นๆ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์
การแจกเงินครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ในหลายด้าน เช่น
- เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ
- ช่วยพยุงธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง
- ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ
บทเรียนสำหรับประเทศอื่น ๆ
มาตรการแจกเงินของสิงคโปร์อาจเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจ ดังนี้
- การวางแผนระยะยาว : สิงคโปร์มีแผน 5 ปีในการช่วยเหลือประชาชน
- การกำหนดเป้าหมายชัดเจน : มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
- การใช้เทคโนโลยี : ระบบ PayNow ช่วยให้การแจกเงินทำได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
- ความโปร่งใส : มีการประกาศเกณฑ์ และวิธีการรับเงินอย่างชัดเจน
แม้ว่าการแจกเงินจะเป็นมาตรการที่ดี แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ เช่น
-
- ผลกระทบระยะสั้น : การแจกเงินอาจช่วยได้เพียงช่วงสั้นๆ จำเป็นต้องมีมาตรการระยะยาวควบคู่กันไป
- ภาระทางการคลัง : รัฐบาลต้องระวังไม่ให้เกิดภาระทางการคลังมากเกินไป
- ความเหลื่อมล้ำ : ต้องระวังไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรมในกลุ่มที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ
มาตรการสิงคโปร์ แจกเงินหมื่น ช่วยค่าครองชีพ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เผชิญกับความท้าทาย การดำเนินการอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพผ่านระบบดิจิทัลแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของมาตรการนี้จะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดี และการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว