ต้องบอกว่าเป็นข่าวกันอีกแล้วสำหรับแก๊งปลอมบัตรเครดิตข้ามชาติ ที่แม้ตำรวจจะจับได้สักกี่รายก็มีมาใหม่ให้เห็นเป็นข่าวอยู่อีกเรื่อย ๆ ล่าสุดเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ในไทยรัฐออนไลน์เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ที่ผ่านมาว่าตำรวจได้รวบ 6 ต่างชาติปลอมบัตรเครดิตด้วยเครื่องสกิมเมอร์ ใช้บัตรปลอมทั้งรูดซื้อสินค้าและกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเป็นการแถลงข่าวการจับกุมแก๊งสกิมเมอร์ข้ามชาติถึง 2 คดีภายในวันเดียวกัน เรียกว่าขบวนการปลอมแปลงบัตรเครดิตข้ามชาตินี่ชุมเสียยิ่งกว่ายุงเสียอีก! ที่เห็นนี่เฉพาะที่จับกุมได้ เชื่อว่าที่ยังเที่ยวตระเวนก็ต้องมีอยู่อีกหลายรายแน่นอน
คดีแรกเป็นแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีน 4 ราย จับกุมได้พร้อมของกลางเป็นบัตรเครดิตปลอมจำนวน 9 ใบ พร้อมเงินสดมูลค่า 22,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวแสนกว่าบาท พร้อมเครื่องสกิมเมอร์ 2 เครื่อง และเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คอีก 3 เครื่อง ชาวจีนถือเป็นขาประจำของแก๊งสกิมเมอร์ข้ามชาติที่หากไปย้อนดูประวัติการจับกุมในอดีตที่ผ่านมา ก็จะพบว่าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนติดอันดับแรก ๆ อยู่เหมือนกัน ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบมาว่ามีแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีนตระเวนใช้บัตรเครดิตปลอมรูดซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า เมื่อทำการตรวจสอบพบว่าแก๊งดังกล่าวพักอยู่โรงแรมย่านห้วยขวางจึงนำกำลังไปจับกุมและพบว่าชาวจีนกลุ่มนี้กำลังจะย้ายที่พักพอดี ต้องถือว่าโชคดีมากที่จับได้ก่อนที่จะสร้างความเสียหายจากบัตรเครดิตปลอมมากไปกว่านี้
คดีที่สองเป็นแก๊งชาวไนจีเรีย 2 คนที่ตำรวจได้ทราบข่าวมาว่ามีแก๊งที่ใช้บัตรเอทีเอ็มปลอมไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในย่านนานา ถนนสุขุมวิท เมื่อนำกำลังไปตรวจสอบก็พบคนร้ายกำลังใช้บัตรเอทีเอ็มปลอมกดเงินสดอยู่ที่ตู้เอทีเอ็มหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขานานาเหนือ จึงจับกุมและนำกำลังเข้าตรวจค้นโรงแรมที่พักในย่านสุขุมวิท พบของกลางเป็นบัตรเอทีเอ็มปลอมจำนวนถึง 199 ใบ เงินสดอีก 34,200 บาท ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่เป็นชาวไนจีเรียทั้งคู่รับสารภาพว่าได้นำบัตรเอทีเอ็มปลอมจากประเทศไนจีเรียเพื่อมากดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มในเมืองไทย
แก๊งสกิมเมอร์บัตรเครดิตและเอทีเอ็มซึ่งเป็นบัตรอิเลคทรอนิกส์ที่คนในปัจจุบันนิยมใช้แทนเงินสดหรือพกเพื่อให้สะดวกเมื่อต้องกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มนั้น เป็นขบวนการปลอมแปลงข้ามชาติที่จับกุมกันไม่มีวันหมดสิ้น จับได้แก๊งหนึ่งก็มีแก๊งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาตลอด หากจะคิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อธนาคารและความเชื่อมั่นของระบบการเงินของประเทศไทยก็ต้องเรียกว่าไม่สามารถคิดคำนวณเป็นมูลค่าได้เลย
ทุกภาคส่วนในประเทศจะต้องให้ความช่วยเหลือเป็นหูเป็นตากับเจ้าหน้าที่เพื่อทำให้แก๊งหรือขบวนการเหล่านี้ทำงานได้ยากขึ้น จึงเป็นช่องทางที่จะช่วยป้องกันปัญหาได้ดีที่สุด อย่างกรณีที่เป็นข่าวไปเมื่อต้นปีที่มีเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจพบในเครื่องสแกนสัมภาระว่ามีสิ่งของที่มีลักษณะเหมือนบัตรอะไรถูกมัดอยู่รวมกันเป็นปึกใหญ่จึงทำการเปิดกระเป๋าดูและพบว่าเป็นบัตรเอทีเอ็มปลอมที่ชาวไนจีเรียเตรียมนำเข้ามากดเงินสดในประเทศไทย การตรวจจับได้ก่อนเช่นนี้ช่วยให้ลดมูลค่าความเสียหายที่ประเมินไว้ว่าอาจสูงถึง 5 ล้านบาท เลยทีเดียว
ในฐานะของผู้ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มอย่าง เรา ๆ ก็จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน โดยมีคำแนะนำดังนี้
- ดูแลรักษาบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มของเราให้ดี รหัสต่าง ๆ ในการใช้ควรเก็บเป็นความลับไม่บอกให้ใครรู้ หรือไม่ควรเขียนติดไว้กับบัตร หากเป็นบัตรเอทีเอ็มควรเปลี่ยนรหัสทุก 3 เดือน เพื่อช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น
- เลือกใช้บัตรเครดิตกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้
- เมื่อกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มควรหมั่นสังเกตรอบ ๆ ตัวว่ามีใครอยู่ใกล้หรือตรวจดูเครื่องเอทีเอ็มว่ามีอะไรแปลกตาไปหรือไม่ หากไม่แน่ใจก็ไม่ควรกดจากตู้นั้นและแจ้งให้ธนาคารตรวจสอบ
- ในกรณีที่บัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มหาย ควรรีบโทรแจ้งอายัตบัตรกับธนาคารทันที แจ้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนั่นจะเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
- วงเงินที่จะเบิกถอนได้จากตู้เอทีเอ็มก็ควรจำกัดอยู่ในวงเงินที่ไม่มากนัก สมัยนี้เราสามารถกำหนดวงเงินเบิกถอนได้เองผ่านทางหน้าตู้เอทีเอ็ม เมื่อไหร่ที่ต้องการใช้เยอะก็เข้าไปเลือก พอกดเงินเสร็จก็เข้าไปเปลี่ยนให้เป็นวงเงินน้อย ๆ ตามปกติเหมือนเดิม
สำหรับร้านค้าที่รับรูดบัตรเครดิตก็ต้องสังเกตผู้ที่นำบัตรเครดิตมารูดโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ตรวจสอบลายเซ็นให้ตรงกับลายเซ็นด้านหลังบัตร หากไม่มั่นใจควรปฏิเสธการรับรูดบัตรและตรวจสอบกับธนาคารเจ้าของบัตรก่อนจะดีกว่า
ธนาคารเองก็ต้องมีระบบตรวจสอบภายในด้วยว่ารายการที่ผ่านเข้ามาแบบใดที่ดูน่าสงสัยว่าจะเป็นการใช้จ่ายที่เกิดจากการปลอมแปลงบัตรเครดิตหรือเอทีเอ็มหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูเป็นหูเป็นตา เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ อย่างน้อยแม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาแก๊งขบวนการข้ามชาติให้หมดสิ้นไปในทันที ก็ถือเป็นการช่วยบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากมากกลายเป็นน้อยได้
อ่านเพิ่มเติม : ระวัง ! แก๊งค์ก๊อปปี้ข้อมูลบัตรเครดิต รูดซื้อสินค้า