คงจะปฏิเสธกันไม่ได้ว่าในปัจจุบันนี้ มือถือสมาร์ทโฟน ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากของชีวิตจนแทบจะเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกายที่ขาดไปก็ทำให้รู้สึกแย่ได้เหมือนกัน เพราะด้วยโลกที่เปลี่ยนไปพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ทำให้เกิดเป็นความสะดวกสบายที่แค่เพียงก้มหน้าลงมองโทรศัพท์มือถือในรุ่นที่เป็นจอสมาร์ทโฟน ก็สามารถที่จะรู้ข้อมูลข่าวสารหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันผ่านโลกออนไลน์ได้เลยทันที จนทำให้เกิดเป็น คำนิยามสังคมในยุคสมัยนี้ว่า “สังคมก้มหน้า” ที่ใคร ๆ ก็ต่างพากันพกพาสมาร์ทโฟนที่สามารถย่อโลกทั้งใบไว้ในมือและ มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เป็นตัวเชื่อต่อผู้คนทั้งโลกให้เข้ามาแชร์ความคิดเห็นและข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งมันคือความเป็นจริงที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะสมาร์ทโฟนในปัจจุบันสามารถที่จะทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น การดูหนัง ฟังเพลงหรือค้นหารายละเอียดในเรื่องราวที่อยากรู้ รวมไปถึงการเป็นตัววัดอุณหภูมิของอากาศได้อีกด้วย
เมื่อโลกพัฒนาจนทำให้เกิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่มีผลต่อสังคมด้วยการใช้สมาร์ทโฟนจนอาจจะติดมากจนเกินไป จนลืมไปว่าความจริงที่อยู่รอบตัวนั้นกำลังจะเป็นอย่างไร การรับรู้ภายนอกก็จะเริ่มลดลงเพราะโดยทั่วไปสมองของคนเรานั้นไม่สามารถที่จะแบ่งการทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน จึงทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานของสมอง ที่ลดต่ำลงในขณะที่เล่นมือถืออยู่ ซึ่งก็อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงกับตัวผู้เล่นสมาร์ทโฟนได้ โดยสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากโทรศัพท์มือถือนั้นมีมากกว่าการเมาแล้วขับ
ซึ่งในสหรัฐอเมริกาเกิดอุบัติเหตุที่มากกว่า 1.6 ล้านครั้งต่อปี หรือเฉลี่ยแล้วตก 4 พันครั้งต่อวันเลยทีเดียว ในประเทศไทยนั้นก็ถือว่าไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพราะเกิดอุบัติเหตุจากการใช้สมาร์ทโฟนที่เกินพอดี โดยบางคนก็ถึงขั้นเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากการที่เดินก้มหน้าดูโทรศัพท์ไปแล้วเกือบโดนรถชน หรือจากการที่เครื่องโทรศัพท์มือถือที่ร้อนมากจนเกินไปจากการชาร์ตแบตเตอรี่ จนอาจจะทำให้เกิดระเปิดได้และยังมี ข่าวดังที่ออกทางโทรทัศน์ที่ก้มหน้าเล่นมือถือจนเกือบตกลงไปในรางรถไฟฟ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการใช้งานสมาร์ทโฟนที่ไม่ถูกต้อง
ผลจากการวิจัยในหลาย ๆ สถาบันพบว่าการพยายามที่จะพิมพ์ข้อความเพื่อส่งต่อไปยังผู้รับต้องใช้ประสาทสัมผัสที่มากกว่าคนปกติที่ไม่เล่นมือถือ จึงทำให้สมองต้องแยกการทำงานให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นไปได้ยากเพราะสมองไม่สามารถจะแยกสัมผัสไปได้ขนาดนั้น จึงสามารถที่จะทำได้เพียงแค่อย่างเดียวและทำให้เกิดอุบัติเหตุ ที่ง่ายขึ้นและไม่สามารถที่จะทันระวังตัว จนอาจจะถูกทำร้ายหรือเดินไปในที่ที่อันตรายแบบไม่ทันรู้ตัว ซึ่งพฤติกรรม ในชีวิตประจำวันที่ถือว่าเสี่ยงต่ออันตรายอย่างมากและควรที่จะต้องใช้ความระมัดระวังที่มากขึ้น คือ การใช้โทรศัพท์ในขณะก้าวขึ้นลงรถโดยสาร เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายอย่างแน่นอน ทั้งการผลัดตกลงจากรถเพราะมัวแต่ก้มมองโทรศัพท์และการเกิดอุบัติเหตุจากรถที่สวนขึ้นมาจากด้านข้างในขณะที่ลงจากรถ เนื่องมาจากไม่ได้มองซ้าย มองขวาก่อนลงจากรถและก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ อีกด้วย ดังเช่น ในประเทศจีนที่มี หญิงสาวรายหนึ่ง ข้ามถนนในขณะที่ตนเองนั้น ก้มมองแต่โทรศัพท์มือถือจนทำให้ถูกรถบรรทุกชนจนเสียชีวิต ซึ่งพยาน ในเหตุการณ์ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหญิงสาวรายนี้เอาแต่ก้มหน้าดูโทรศัพท์โดยที่ไม่มองทางเลยแม้แต่น้อย
เรื่องของฝนฟ้าอากาศก็เป็นอีกเรื่องที่น่ากลัว เพราะตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีวัสดุที่สามารถเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี จึงได้มีการเตือนอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่ควรเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้ในขณะที่อากาศช่วงนั้นมีฝนฟ้าคะนอง อย่างเด็ดขาดและในการคุยหรือเล่นโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ก็ยังเป็นอันตรายที่ไม่คาดคิด เพราะเสี่ยงทั้ง โรคร้ายที่แฝงมากับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในตัวโทรศัพท์และการที่เครื่องร้อนจนเกินไปจากการใช้งานอย่างเช่น ในกรณีที่มี ผู้เล่นโทรศัพท์มือถือที่เวียดนาม แล้วชาร์ตแบตเตอรี่ไปด้วยโดยไม่สนใจว่าจะโทรศัพท์ร้อนหรือไม่ สุดท้ายก็กลาย สมาร์ทโฟนที่ใช้ก็ระเบิดคามือเป็นผลทำให้ต้องสูญเสียตาไป 1 ข้าง จากการที่เศษกระจกในโทรศัพท์กระเด็นเข้าไปฝัง ในลูกตาและนิ้วมือของทั้ง 2 ข้างก็ขาดเกือบหมดอีกด้วย
และในเรื่องของการโจรกรรมก็น่ากลัวไม่แพ้กัน เพราะราคาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในรุ่นที่เป็นที่นิยมนั้น ถือว่ามีราคาสูงมากจึงเป็นที่ต้องการของเหล่ามิจฉาชีพหรือโจรขโมย ที่ต่าง ก็สรรหาสารพัดวิธีในการโจรกรรมโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมาเป็นของตนเอง จนบางครั้งก็ถึงขั้นทำร้ายเจ้าของโทรศัพท์อาการปางตาย ซึ่งก็มีเหตุการณ์ที่นักศึกษาคนหนึ่งที่เดินเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างถนนและโดนโจรเข้ามาปล้น ด้วยการเอามีดฟันที่ข้อมือจนเกือบขาดและยังทำร้ายร่างกายอีกด้วย แต่ก็ยังโชคดีที่สามารถรอดมาได้และทางตำรวจ ก็สามารถที่จะจับคนร้ายได้ในที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงโทษของการใช้สมาร์ทโฟนที่มากจนเกินพอดี และอันตรายที่ตัวสมาร์ทโฟนมอบให้กับเจ้าของเครื่อง
เพราะฉะนั้นทางสายกลางน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของ ผู้ ใช้สมาร์ทโฟน ที่ควรจะใช้ให้พอดีต่อความต้องการในแต่ละวันเท่านั้น เมื่อต้องออกนอกสถานที่ก็ควรที่จะงดใช้และ มีสติอยู่กับปัจจุบันให้มากกว่าเดิมเพื่อที่จะหยุดการเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบไม่น่าที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย