ด้วยสภาพสังคมและความเป็นอยู่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายๆคนปรับตัวปรับใจไม่ทัน ยังใช้ความรู้ความเข้าใจในการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ หรือฝันลมๆแล้งๆ เมื่อไม่ได้ดังฝันก็เกิดปัญหา เริ่มจากเกิดปัญหาภายในใจตัวเอง ลุกลามมากขึ้นจนทำให้คนอื่นเดือนร้อน ปัญหาของคนรุ่นใหม่มีมากมายหลายแง่หลายมุม บทความนี้จะยกตัวอย่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจตัวเอง สุดท้ายผลนั้นได้กระทบกับร่างกาย
อ่านเพิ่มเติม : 7 ข้อคิดในการรับผิดชอบชีวิตตัวเอง
บอยเป็นเด็กรุ่นใหม่ อายุย่างเข้า 20 ปี เป็นเด็กต่างจังหวัดที่พ่อแม้ค้าขาย จัดอยู่ในขั้นมีตังส์ บอยเป็นเด็กหัวดีมาก มีความทะเยอทะยานสูง เขาสามารถสอบเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงระดับประเทศได้ เรียกว่าเด็ก ม.6 ของโรงเรียนนี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้กว่าค่อนโรงเรียน เมื่อถึงตอนเอ็นทรานซ์ บอยเลือกสอบเข้าในสาขาวิชาชีพที่ได้รับความนิยมสูงมาก หลายคนอยากเรียนสาขานี้เพราะมีเกียรติและมีรายได้ดี แต่ในใจลึกๆ บอยไม่ได้ชอบอาชีพนี้สักเท่าไหร่ ผลออกมาว่าบอยสอบเข้าได้ ตอนเรียนปีหนึ่งก็ได้ข่าวมาว่าเรียน แต่บอยก็ลองเรียนดู เพราะคิดว่ามีเกียรติและจะทำให้มีเงิน ปัญหาเริ่มเกิดตอนเรียนปีสอง เพราะต้องเรียนหนักขึ้น จุกจิกมากขึ้น ด้วยความที่ลึกๆแล้วบอยไม่ชอบสาขาวิชาชีพนี้ จึงเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งต้องจากบ้านมาเช่าคอนโดอยู่คนเดียว ทำให้วิถึชีวิตวนเวียนกับสังคมเมือง รถไฟฟ้า ห้าง อาหารจานด่วน และโลกออนไลน์ พอขึ้นปีสามเขาเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก และเป็นบ่อยขึ้นจนเข้าวิตกว่าตัวเองอาจมีอันตราย บอยโทรศัพท์คุยกับแม่ที่ต่างจังหวัดอยู่เสมอและเล่าอาการตัวเองให้แม่ฟัง สรุปได้ว่าบอยมีอาการเครียดสะสม เริ่มจากไม่ได้อยากเรียนในสาขาวิชาชีพนี้จริงๆ และในหมู่เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันล้วนเป็นลูกคนมีตังส์ทั้งนั้น เพื่อนบอยไม่มีใครต้องเชาคอนโดอยู่ พวกที่มาจากต่างจังหวัด พ่อแม่ลงทุนซื้อคอนโดให้อยู่เลย พวกที่อยู่กรุงเทพ ก็บ้านรวยๆกันทั้ง รวยมากจนบอยไม่กล้าคบ เพราะคิดว่าตัวเองอยู่ในสังคมคนละระดับกับเพื่อน กลายเป็นว่า จากเด็กที่เก่งและเด่นในต่างจังหวัด กลับมาอยู่ที่โหล่เมื่อเข้ากรุง
จากนั้นอาการของบอยเริ่มรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นคิดว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นไปเฉยๆ คิดว่าตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ได้ มีความกลัวตายขึ้นมาอย่างไรเหตุผล บอยได้ลองหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตดู พบว่าตัวเองอาจเป็นโรคตื่นตระหนก จึงไปพบแพทย์ แพทย์วิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นโรคตื่นตระหนกจริงๆ สาเหตุเกิดจากความเครียดสะสม และได้ให้ยามากิน แต่บอยก็ยังมีอาการตื่นตระหนกอยู่บ้าง บางครั้งไม่สามารถอยู่คนเดียวบนห้องได้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรไปโดยไม่มีใครรู้ จึงต้องลงมานั่งเล่นนั่งคุยโทรศัพท์ที่ห้องโถงด้านล่างของคอนโดบ่อยๆ แต่หมอบอกว่า โรคนี้เกิดจากความเครียดสะสม และสารในสมองผิดปกติไปบ้าง จึงต้องกินยาเป็นระยะเวลานาน 6 ถึง 8 เดือน
จากเรื่องราวของบอยสามารถมองได้หลายมุม บางคนคิดว่าชิวิตของบอยน่าอิจฉาและสมบูรณ์แบบแล้ว มีอะให้เครียด จะเครียดไปทำไม บางคนบอกว่าอย่าว่าแต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย ลำพังแค่เรียนให้จบม.6 ยังไม่มีปัญญา คนส่วนใหญ่มองว่าชีวิตของบอยประสบความสำเร็จแล้ว และพ่อแม่ก็ภูมิใจด้วย แต่ในมุมของบอย อาจคิดว่า รับไม่ได้ที่ตัวเองด้อยกว่าเพื่อนๆ บ้านรวยไม่เท่า ต้องเช่าคอนโดอยู่ และอยากมีเงินมีเกียรติมากกว่าฟังเสียงหัวใจตัวเอง อยากมีหน้ามีตา อยากให้คนยอมรับ จึงฝืนเรียนในสิ่งที่เชื่อว่าจะทำให้มีเกียรติและมีเงิน สุดท้ายสิ่งที่อยู่ลึกๆในใจก็ต่อต้าน และแสดงออกผ่านทางร่างกาย จุดที่บอยยืนอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าเทียบค่าเฉลี่ยแล้วถือว่ามาไกลและยืนในจุดที่สูงกว่าคนทั่วๆไปแล้ว บอยอาจมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองหัวดี เรียนเก่ง แต่เงินน้อยกว่าคนอื่น ก็เลยเกิดความเครียดและพยายามที่จะทำให้ตัวเองมีรายได้มากๆ เมื่อยังทำไม่ได้ก็กลายเป็นปัญหา จริงๆถ้าบอยมองอึกมุมหนึ่งว่า เขามาได้ไกลขนาดนี้ถือว่าดีกว่าคนตั้งมากมาย ดีกว่าคนอีกตั้งค่อนโลก น่าจะพอใจแล้ว แต่อาจเป็นธรรมชาติของคนเราที่ชอบเปรียบเทียบกับคนรอบข้าง ถ้าเราสูงกว่าคนข้างๆ เราก็พอใจ ถ้าเราไม่ได้สูงเท่าคนข้างๆเราก็ไม่พอใจและเป็นทุกข์
สรุปได้ว่าเราต้องหาที่ยืนของตัวเองให้เจอ ต้องรู้จักความพอดี ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น เพราะไม่ว่าจะยืนในจุดไหน ก็จะมีคนที่ยืนอยู่ได้สูงกว่าเราเสมอ อย่าได้เอาเราไปเปรียบเทียบกับใครๆเพื่อให้เกิดความทุกข์ใจอีกเลย