เมื่อพูดถึงความสำเร็จ แน่นอนว่าคนจำนวนไม่น้อยเลยล่ะที่ต้องการให้ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งการที่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ ยิ่งคนที่เริ่มต้นจากต้นทุนชีวิตที่ค่อนข้างต่ำด้วยแล้ว ก็ต้องใช้ความพยายามที่มากหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต่อให้ต้นทุนชีวิตของเราสูงแค่ไหน ถ้าหากเรามองไม่เห็นโอกาส ไม่มีความคิดที่อยากสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างคนไร้อนาคตไปในแต่ละวัน เราก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้ ฉะนั้นแล้วการขวนขวายหาวิธีสร้างความประสบความสำเร็จในชีวิตให้ตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเลยล่ะ
หนึ่งในความสำเร็จที่กำลังมาแรงในปัจจุบันนี้ คือความสำเร็จที่เริ่มจากธุรกิจ Start up ซึ่ง ธุรกิจ Start up ก็คือธุรกิจที่มีการวางแผนมาอย่างดีและพร้อมที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น มันเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างมากเลยล่ะกับการสร้างความสำเร็จให้ตัวเองอย่างก้าวกระโดดจากคนเพียงไม่กี่คน โดยสิ่งที่ทำให้คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือการสร้างผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ Software หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ แน่นอนว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มีการลงทุนที่ไม่สูงมาก และสิ่งที่ท้าทายที่สุดก็คือการออกแบบสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้คนทั่วโลกได้สั่นสะเทือน ให้คนทั่วโลกได้ใช้ แน่นอนว่าเมื่อสิ่งที่เราสร้างเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก การเติบโตของธุรกิจก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไปนะเราทุกคนรู้ดีว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็ล้วนต้องมีการลงทุน ซึ่งเงินทุนที่ว่านี้ก็มาจากนักลงทุนต่างๆนะ ซึ่งข้อดีของ ธุรกิจ Start up ก็คือสามารถขอเงินทุนจากนักลงทุนที่คิดจะสนับสนุนเรา โดยผลประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้จากเรานั้น ก็มาจากสิทธิ์ในการแบ่งปันรายได้หรือาจจะเป็นหุ้นส่วนไปพร้อมๆกัน และธุรกิจ Start up แตกต่างจากธุรกิจ SME ก็ตรงที่ว่าธุรกิจ Start up มีการวางแผนสร้างการเติมโตของธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ใช้เงินทุนจากแหล่งอื่นๆให้กับเรา แตกต่างจากธุรกิจ SME ตรงที่ว่า SME จะใช้เงินทุนของตัวเราเองหรือต้องทำเรื่องผ่านธนาคารที่มีโครงการสินเชื่อสำหรับ SME ซึ่งกว่าจะมีนักลงทุนเลือกที่จะเป็นนักลงทุนให้กับธุรกิจ Start up ของเรา เราก็ต้องทำให้พวกเขาเหล่านั้นมั่นใจได้ว่า ทีมของเราจะสามารถทำได้อย่างที่หวังไว้ จะมีนักลงทุนอยู่ 2 แบบดังนี้
- แบบแรก Venture Capital หรือ VC
ธุรกิจเงินร่วมลงทุนที่จะเป็นหุ้นส่วนกับธุรกิจ Start up ให้กับเรา มีระยะเวลาการลงทุนยาวประมาณ 3-5 ปีตามสัญญา โดย VC มักเลือกที่จะลงทุนในรูปแบบองค์กร จึงทำให้มีการใช้เงินทุนที่มีมูลค่าสูง VC มักจะมองภาพรวมของธุรกิจในระดับที่ใหญ่และไม่เพียงแต่จะสนับสนุนทางด้านการเงินแล้ว VC ยังให้คำปรึกษา ช่วยชี้แนวทางให้กับธุรกิจของเราอีกด้วยนะ เพื่อความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดของเรา
- แบบที่สอง Angel Investor หรือนักลงทุนอิสระ
พวกเขามักจะใช้เงินส่วนตัวในการลงทุนธุรกิจ Start up ของเรา จึงทำให้ปริมาณเงินที่จะได้จาก Angel Investor ไม่มากเท่ากับ VC โดยส่วนใหญ่แล้ว Angel Investor มักจะเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจหลังเกษียณตัวเองแต่ว่ายังมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจและมีความสามารถในการขยายธุรกิจ ซึ่ง Angel Investor ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องของเงินทุนเท่านั้นนะ เรายังคงสามารถขอคำปรึกษาจากพวกเขาเหล่านั้นได้เรื่อยๆเมื่อต้องการ
อ่านเพิ่มเติม >> สร้าง ธุรกิจ Startup ด้วยตัวคุณเองกันเถอะ <<
การที่เราจะเป็นเจ้าของธุรกิจ Start up ได้นั้น อย่างแรกเราต้องจัดทีมของเราเอง หาบุคลากรที่มีความน่าเชื่อถือและเริ่มต้นวางแผนธุรกิจของตัวเอง ให้นักลงทุนต่างๆอยากที่จะลงทุนกับเรา ซึ่งการเริ่มต้นธุรกิจ Start up นั้น ไม่ได้ยากอย่างที่คิด บางคนก็เริ่มจากเขียน Software ไม่เป็นแต่มีไอเดีย มีความคิดที่คิด เพราะว่าด้วยคำแนะนำต่างๆของเหล่านักลงทุน จะทำให้ธุรกิจของเราสามารถเป็นจริงได้อย่างแน่นอน พวกเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะช่วยเราสร้างธุรกิจทุกอย่างถ้าหากว่าธุรกิจของเราสามารถไปได้ไกล เรามีเคล็ดลับเล็กๆในการสร้างธุรกิจ Start up ดังต่อไปนี้
-
มองดูสิ่งต่างๆรอบตัว
ธุรกิจ Start up ของเราจะไม่ได้รับการแจ้งเกิดอย่างแน่ ถ้าหากเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่มีอยู่เกลื่อนกลาดทั่วๆไป การใช้เวลาประมาณหนึ่งเพื่อที่จะสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวว่ามีอะไรบ้างอยู่แล้ว จะช่วยเราได้อย่างมากเลยล่ะในเรื่องของการเริ่มต้นธุรกิจของเรา ไม่ให้ซ้ำกับสิ่งที่คนอื่นเคยทำไว้ก่อนแล้ว
-
มองหาสิ่งที่แตกต่าง
หลายๆครั้งที่ความสำเร็จ ก็มักจะมาจากสิ่งที่แตกต่าง หลังจากที่เรารู้แล้วว่ามีสิ่งใดบ้างที่มีอยู่ซ้ำ มีอยู่เกลื่อนกลาดตามท้องตลาด ก็จะช่วยเราได้อย่างมากเลยล่ะ เราคงไม่อยากสร้างแอปพลิเคชั่นไฟฉายออกมาแน่ถึงแม้ว่าแอปพลิเคชั่นของเราจะสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าไฟฉายก็ตาม เพราะว่าแอปพลิเคชั่นนี้มีอยู่เกลื่อนกลาดเต็มไปหมด แต่ให้เราเลือกที่จะสร้างแอปพลิเคชั่นหรือทำสิ่งที่ไม่มีอยู่ เพื่อที่จะให้นักลงทุนเห็นว่าเป็นความแตกต่าง เป็นสิ่งใหม่ที่น่าลงทุนนะ
-
หาสิ่งที่ตัวเองสนใจ
การทำสิ่งที่ตัวเองชอบ การทำสิ่งที่ตัวเองรัก จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนั้นได้เป็นอย่างดี และแน่นอนการวางแผนธุรกิจ Start up ของเราให้มีสิ่งที่ตัวเองสนใจอยู่ในนั้นด้วยแล้ว ก็จะทำให้ธุรกิจของเรา เป็นอะไรที่ไม่น่าเบื่อเลยล่ะ
ด้วยเคล็ดลับง่ายๆเพียงเท่านี้ รับรองได้เลยว่าธุรกิจ Start up ที่คิดขึ้นได้นี้ จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความสำเร็จก็อาจจะไม่ได้เร็วทันทีอย่างที่ฝันไว้เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลานะ