ถ้าพูดถึงชื่อเสียงของบุคคลท่านนี้คงมีน้อยคนมากที่จะไม่รู้จักเขา ใครจะคิดล่ะว่า ผู้ชายที่ชอบใส่เสื้อคอเต่าสีดำ ใส่แว่นตากลมๆเล็กๆคนนี้ เขาจะทำให้ผู้คนทั่วโลก จดจำเขาได้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต มาจนถึงวันนี้ วันที่ร่างกายของเขาได้สูญสลายไปจากโลกนี้แล้ว ผู้คนก็ยังคงเรียกหาชื่อ สตีฟจอบส์ ประหนึ่งว่า เขายังไม่ได้จากไปไหน…
สำหรับคนที่ยังไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร เราจึงขอเล่าประวัติโดยคร่าวๆก่อนนะคะ เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทApple ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตสมาร์ทโฟนอย่าง I-Phone หรือ I-pad คอมพิวเตอร์พกพาขนาดกระทันรัด ด้วยความชาญฉลาดของผู้คิดค้นและบวกกับความคิดสร้างสรรค์เพื่อชาวโลก สตีฟ จอบส์ จึงบุคคลเป็นที่น่าจดจำและเป็นที่รักของใครหลายๆคน เขาเองไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์พร้อมมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว สังคม การงาน หรือแม้แต่การเรียน มันน่าเศร้าที่จะบอกว่า เขาเป็นลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อมจะรับผิดชอบ แต่ก็ยังโชคดีที่เขาได้เจอกับครอบครัวใหม่ เขาได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อแม่บุญธรรมให้โอกาสได้เติบโตอีกครั้ง เขาได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่นั่นกลับทำให้เขาพบว่าสิ่งที่เรียนอยู่ไม่ได้ให้อะไรกับเขาเลย ฉะนั้นแล้ว เขาจึงไปลงเรียนวิชาอื่นๆที่เขาสนใจ พร้อมกับการตัดสินใจลาออกจากมหาลัยในทันที และนั่นก็เป็นเหมือนจุดสำคัญที่ทำให้ชีวิตเขามีการเปลี่ยนแปลง สำหรับใครที่สนใจประวัติของจอบส์ สามารถค้นหาดูเพิ่มเติมได้ ต่อไปเรามาเล่าถึงประเด็นในแง่ที่ว่า เขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร ? เขาต่างจากคนอื่นทั่วไปที่ขยันทำงานอย่างไร ? และอะไรคือ วิถีความสำเร็จแบบจอบส์ ที่ทำให้ผู้คนจดจำเขาในฐานะที่มากกว่าผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple ในทุกวันนี้
ผู้เขียนรู้สึกประทับใจ สตีฟ จอบส์ เป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ดูคลิปกล่าวบรรยายสุนทรพจน์แด่ผู้ที่สำเร็จการศึกษาในมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2005 (สามารถค้นหาดูเพิ่มเติมผ่านทาง Youtubeได้ ) วิดิโอความยาว 15 นาที ซึ่งเขาไม่ได้พูดอะไรมากและมีวิธีการพูดที่เรียบง่าย แต่เรื่องที่เขาได้พูดกล่าวเอาไว้ ช่างกินใจเสียเหลือเกิน เวลาเพียง 15 นาทีนั้นถือว่าคุ้มค่ามากที่ได้ฟัง ทำให้เราได้รู้ว่า นี่ไงคือความพิเศษ นี่ไงคือความลับที่ถูกซ่อนเร้นและสั่งสมมานาน แต่ก็คงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เพราะเขาได้กล่าวต่อหน้าสาธารณะชนและผู้คนทั้งโลกไปแล้ว และต่อไปนี้คือ สิ่งที่ผู้เขียนได้รับรู้ถึงความพิเศษและมีคุณค่าต่อการนำไปปรับใช้ในชีวิตทั้งในเรื่องการเรียนและการทำงาน ผ่านการถ่ายทอดทางบทความบทนี้
มีตอนหนึ่งที่จอบส์เล่าว่า “ ผมกล้าที่จะตัดสินใจเลิกเรียนวิชาบังคับที่ผมไม่สนใจ แล้วเลือกเรียนวิชาที่ผมสนใจแทน ” หลายคนที่ฟังแบบนี้ ก็อาจจะคิดได้ว่า เขาบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน นิยายน้ำเน่ามากๆ แต่สิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาเป็น สตีฟ จอบส์ มาจนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่หลายคนเลือกทำตามคำสั่งของคนอื่น อาจจะเป็นพ่อแม่ที่ประมาณว่าอยากให้ลูกๆเรียนในสิ่งที่เห็นว่าเหมาะสม ก็ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่พ่อแม่ท่านจะรักและห่วงใยตามประสาผู้ใหญ่ แต่สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาแบบนี้ในตอนเรียนอยู่ ถ้าไม่ชอบในสิ่งที่เรียนแต่ลาออกแบบจอบส์ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ จงเรียนให้จบ แล้วพยายามหาความถนัดของตัวเองให้เจอ พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ถ้าเรารู้ว่าเราบ้าอะไร จงวิ่งไล่ล่ามัน เพราะเรื่องบ้าๆนั่นแหละคือตัวเราและมันต้องมีสักหนทางที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ
อ่านเพิ่มเติม >> เทคนิค ออมเงิน ให้รวยแบบสตีฟ จ็อปส์! <<
แน่นอนว่าชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้าคุณเคยแพ้ ผิดหวัง ล้มเหลว ถึงมันเซ็งและเสียใจที่สุดในชีวิตที่เคยพบเจอมา บอกเลยค่ะว่า คุณก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแค่คนเดียว ใครๆก็ต่างก็เคยรู้สึก แต่ความคิดหนึ่งของจอบส์ที่สะกิดใจ ให้เราได้คิดมากที่สุด ก็คือเขาพูดถึงการลากเส้นต่อจุด น่าแปลกใจที่จุดแต่ละจุดของเขาไม่ใช่จุดที่เขาประสบความสำเร็จ แต่เป็นจุดของการล้มไม่เป็นท่า ไม่ว่าจะเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยหรือโดนไล่ออกจากงานที่เขารักที่สุด แต่นั่นทำให้เขาก็ย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่า เพราะสิ่งเหล่านี้ จึงทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งเป็นคำพูดที่โดนใจมาก
ช่วงเวลาของการที่เขาถูกไล่ออกจากบริษัทApple ในครั้งนั้น ทำให้เขาคิดได้ว่า เขายังคงรักในงานที่เขาทำ แม้ว่าจะโดนไล่ออก แต่เขามองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้เขากลายเป็นคนใหม่ ไร้ซึ่งความคาดหวังและแรงกดดันจากคนอื่นๆ เขากล้าที่จะทำตามสิ่งที่ตนเองรักและตั้งใจให้ดีที่สุด จนแล้วจนเล่า เขาก็ได้กลับมาบริหารงานที่ บริษัทApple อีกครั้ง ลองคิดกลับดูว่า ถ้าเขาไม่โดนไล่ออกในวันนั้นจะเป็นอย่างไร ?
จอบส์พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ของApple อย่างดีที่สุด เท่าที่จะสร้างสรรค์ได้ในขณะนั้น เขาวางแผนงานอย่างละเอียดและให้ความสำคัญกับงานตรงหน้า เพราะในความคิดของเขา นั่นไม่ใช่แค่การทำงานเพื่อผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น ทุกอย่างมีเรื่องราวและคุณค่า จอบส์ให้คุณค่ากับสิ่งที่เขาทำ และส่งมอบคุณค่านั้นให้คนทั่วโลก และเชื่อว่าคุณค่านั้นก็กำลังอยู่ในมือของใครหลายคนในขณะนี้เช่นเดียวกัน
ถ้า I-phone เป็นสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเคยใช้ในอดีตที่ทำได้แค่โทรออกโทรเข้าได้เพียงอย่างเดียว (หมายเหตุ : ไม่มีเจตนาที่จะเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ของค่ายไหนนะคะ ทุกอย่างมีเอกลักษณ์ที่ดีในแบบเฉพาะของตัวมันเอง) ก็คงไม่มีใครสนใจว่า จอบส์จะเป็นใครมาจากไหน แต่เขาเรียกได้ว่าเป็นคนแรกๆที่นำเอาเทคนิคของกราฟฟิคมาใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม แล้วนำเสนอมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Apple สามารถทำรายได้ในอันดับต้นๆ นั่นเอง
ถ้าหากคุณเป็นอีกคนที่อยากจะประสบความสำเร็จแบบนี้ ผู้เขียนเองจะขอสรุปแนวทางไว้ 3 ข้อด้วยกันก็คือ
1. ค้นหาสิ่งที่ตัวเองรักให้เจอ แล้วไล่ล่ามันจนกว่าจะสำเร็จ
2. อย่าคิดว่า ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ผิดพลาดไม่น่าจดจำ จำมันเถอะค่ะ แล้วบอกตัวเองว่า ฉันจะทำมันให้ดีกว่านี้
3. ใส่หัวใจให้คุณค่ากับสิ่งที่ทำ เมื่อเราใส่ใจลงไปแล้ว เราจะมีความสุขกับมัน แล้วก็อย่าลืมส่งต่อคุณค่าและหัวใจของคุณให้กับคนอื่นๆด้วย อย่าปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองด้วยการที่คิดว่ามันเป็นธุรกิจเลย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามบทความของเราด้วยดีเสมอมานะคะ ผู้เขียนเชื่อว่าทุกท่านสามารถทำได้อย่างแน่นอน ขอแค่มีความตั้งใจจริง ลงมือทำ ทำให้มันสุดๆไปเลยค่ะ แล้วผลลัพธ์จะสร้างความภูมิใจให้กับตัวท่านเอง ขอทิ้งท้ายไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ