หุ้นปันผล คือหุ้นของบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผล มีบริษัทใดบ้างที่จ่ายเงินปันผลมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างไรบ้างนโยบายแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน การจ่ายเงินปันผลอาจจ่ายเป็นเงินสด หรือจ่ายเป็นหุ้นปันผลแทนในอัตราส่วนที่เท่าไร ดังนั้นจึงเป็นแนวทางเลือกและเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี จัดได้ว่าเป็นชนิดของหุ้นที่มีความเสี่ยงน้อยมีโอกาสได้มากนั่นเอง
แต่การเล่นหุ้นใช่ว่าจะเล่นโดยไม่มีการเรียนรู้หรือไม่ดูแนวโน้มความเป็นไปของหุ้นแต่ละตัวเพราะกระแสโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและเป็นอุปสรรคที่สุดในการเล่นหุ้น แต่สิ่งที่เป็นปกติของหุ้นที่มีการปันผลก็คือราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD และหลังวันขึ้นเครื่องหมาย XD ราคาหุ้นก็จะปรับลดลง การเลือกซื้อหุ้นปันผลควรซื้อล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD เพราะจะทำให้ได้ต้นทุนที่ต่ำนักลงทุนต้องเรียนรู้และหาข้อมูลหุ้นพื้นฐานดีของแต่ละบริษัทล่วงหน้าเพื่อซื้อลงทุนในระยะยาว ตลาดมีช่วงที่แย่และดีสลับกันไปขึ้นอยู่ที่ภาพรวมของธุรกิจและสภาพเศรษฐกิจว่าเป็นไปในทิศทางไหนหุ้นมีขึ้นและลงเสมอ จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เก็บสะสมหุ้นดี ๆ เข้าพอร์ตเพื่อผลตอบแทนที่น่าพอใจ
วิเคราะห์หุ้นปันผลปี 2559
ที่ เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยผลกระทบด้านเศรษฐกิจภายในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำมัน ค่าเงิน ดอกเบี้ย จึงทำให้ราคาหุ้นผันผวนไร้ทิศทางชัดเจนมีการปรับลดราคาลงมาตั้งแต่ปี 58 เกือบ 50% จึงทำให้ราคาต้นทุนต่อตัว ต่ำมาก มีค่า PE ต่ำ แต่ก็ยังหาจุดที่ต่ำสุดไม่ได้คงผันผวนต่อไป สำหรับการเลือกลงทุนหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำกว่า 1 เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนโดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นประเภท Defensive หรือหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด (Dividend Stock) เพราะผลตอบแทนจากเงินปันผลจะสามารถเป็นกันชนช่วยลดการผันผวนของราคาได้ “หุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค” เป็นหุ้นกลุ่มที่มีปันผลดี
แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยังต้องเกิดขึ้น หุ้นกลุ่มเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ หุ้นเด่นกลุ่มนี้ ได้แก่ บิ๊กซี (BIGC) เป็นธุรกิจค้าปลีกด้านอาหารและธุรกิจให้เช่าและบริการพื้นที่ ปันผลปีละ 1 ครั้งในอัตรา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เฉลี่ยปันผลหุ้นละ 2.5 ต่อหุ้น “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” ไม่ว่าตลาดจะผันผวนอย่างไรหุ้นกลุ่มนี้ก็ไม่มีผลกระทบเพราะ เจ็บไข้ได้ป่วยเกิดได้ตลอดเวลาและไม่ใช่แค่รักษาอาการป่วยไข้อย่างเดียวยังมีเสริมความงามที่ทำให้โรงพยาบาลมีรายได้ที่งดงามน่าลงทุน หุ้นเด่นกลุ่มนี้ ได้แก่ กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีการควบรวมโรงพยาบาล 6 กลุ่ม และมีเครือข่ายกลุ่มในประเทศกัมพูชา ยังรวมถึงธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตยาและธุรกิจผลิตน้ำเกลือเป็นต้น ปันผลปีละ 1 ครั้งในอัตรา 0.23 ต่อหุ้น
ควรหาจังหวะลงทุนเมื่อหุ้นมีราคาอ่อนตัวลงแล้วถือลงทุนระยะยาวได้สำหรับหุ้นตัวนี้ “กลุ่มพลังงาน” ปีนี้เป็นกลุ่มที่มีความผันผวนมากแต่ก็น่าสนใจเพราะราคาลงมาต่ำมาก หุ้นเด่นกลุ่มนี้ ได้แก่ ไออาร์พีซี (IRPC) เป็นธุรกิจปิโตรเลียมโดยมีโรงงานกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เม็ดพลาสติกจำหน่ายให้ผู้ประกอบการนำไปเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป ธุรกิจท่าเรือ ท่าเทียบเรือเพื่อขนถ่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ธุรกิจจัดการและบริหารสินทรัพย์ ปันผลปีละ 1 ครั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของกำไรหลังหักภาษีเงินได้ในอัตราหุ้นละ 0.08 ต่อหุ้น “ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ “ เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในสภาวะน้ำมันลดราคาทำให้ต้นทุนต่ำ หุ้นเด่นกลุ่มนี้ ได้แก่ บีทีเอส กรุ๊ป (BTS) เป็นธุรกิจระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า)
ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการ ปันผลปีละสามครั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรหลังหักภาษีเงินได้ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ในอัตราหุ้นละ 0.30 ต่อหุ้น บริษัทท่าอากาศยานไทย (AOT) ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานไทย รับผิดชอบท่าอากาศยาน 6 แห่ง ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศโดยมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ ปันผลปีละ 1-2 ครั้ง ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักสำรองต่าง ๆ ที่บริษัทกำหนด ในอัตราหุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น ถือได้ว่าเป็นหุ้นปันผลที่ได้ผลตอบแทนทีดีมาก ๆ
“หุ้นกลุ่มก่อสร้าง” ในภาวะปัจจุบันกลุ่มก่อสร้างยังได้รับผลประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลและในภาคเอกชนก็ยังมีการสร้างคอนโดมากมาย หุ้นเด่นกลุ่มนี้ ได้แก่ ช.การช่าง (CK) เป็นธุรกิจก่อสร้างบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนทุกรูปแบบ มีความสามารถในพัฒนาการลงทุนและบริหารโครงการสัมปทานระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในประเทศและภูมิภาคอย่างครบวงจร ปันผลปีละ 1-2 ครั้ง ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.30-0.50 ต่อหุ้น
กลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ทำผลกำไรได้ดีในอันดับต้น ๆ หุ้นเด่นกลุ่มนี้ ได้แก่ ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ประกอบธุรกิจจำหน่ายและผลิตปูนซีเมนต์และปูนสำเร็จรูปทั้งในลักษณะผงและเม็ดรวมถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอย่างครบวงจร ปันผลปีละ 1-2 ครั้งอย่างน้อยในอัตราร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม ในอัตราหุ้นละ 8-15 บาทต่อหุ้น เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่น่าลงทุนอย่างยิ่ง แต่หุ้นในกลุ่มสื่อสารยังน่าเป็นห่วงเรื่องการะประมูลที่มีราคาสูงจึงยังไม่น่าจะลงทุนหุ้นปันผลที่ดีต้องมีพื้นฐานดีมีระบบการบริหารที่ดี ผู้บริหารต้องมีธรรมภิบาล มีประวัติการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง สามารถสร้างกำไรจากการดำเนินการได้อย่างสม่ำเสมอเช่นกัน