การเรียนตามระบบนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญและง่ายที่สุดเพิ่มพูนศักยภาพของคน ๆ หนึ่ง ถึงแม้ว่าประสบการณ์ชีวิตและการขวนขวายหาความรู้ด้วยตนเองนั้นสำคัญไม่แพ้กัน แถมยังได้ผลมากกว่า แต่การศึกษาในระบบช่วยเสริมสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมและกว้างมากพอทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งวุฒิการเรียน ไม่ว่าจะเป็นระดับไหน ยังเปรียบเสมือนเป็นเกณฑ์พื้นฐานที่สุด นอกเหนือจากเพศ อายุ และศาสนาที่เราจะสามารถรู้จักคน ๆ หนึ่งเพื่อพิจารณาในการรับเข้าทำงานด้วย และหลายคน วุฒิการศึกษาเปรียบเสมือนโล่ห์กำบังและใบเบิกทางในการประกอบอาชีพเลยด้วยซ้ำไป
รัฐบาลเห็นความสำคัญของการเรียนในระบบ จึงเปิดโอกาสให้ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสในการเรียน โดยปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับนักศึกษาปริญญาตรีและสายอาชีพ เมื่อจบไปมีรายได้แล้วค่อยผ่อนทยอยชำระหนี้คืน เรียกว่ากองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กองทุนกู้ยืมนี้ไม่ได้หวังผลกำไร ดอกเบี้ยจึงต่ำมาก โดยจะต่ำมากกว่าดอกเบี้ยธนาคาร จึงได้รับความนิยมมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
อ่านเพิ่มเติม >> จัดหนัก เบี้ยวหนี้ กยศ . ติดเครดิตบูโร ! <<
แต่ด้วยความไม่เห็นความสำคัญ ความมักง่าย ละเลย เห็นแก่ตัว หรือผู้กู้เรียนไม่พร้อมรับภาระจ่ายคืนหนี้ได้ ทำให้โครงการมีหนี้เสียหลักหมื่นล้าน ถึงกับเกือบจะต้องยกเลิกโครงการสวัสดิการนี้ไปเลย
อาจฟังดูแล้วน่าตกใจ แต่เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา และเป็นเหตุผลหลักอันหนึ่งที่ทำให้เกิด Hamburger Crisis ถึงแม้ว่าปัจจัยหลักที่เรารู้กันว่าเกิดจาก Subprime หรือวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ แต่หนี้เสียที่เกิดจากการกู้เพื่อยืมเรียนเป็นจำนวนเงินมหาศาล ถึงแม้สหรัฐเองจะไม่ได้บอกถึงจำนวนเงิน แต่ก็เชื่อว่ามากพอ เพราะตอนแถลงการณ์จากประธานาธิบดี นายบารัก โอบาม่า เองยังกล่าวถึงเป็นเรื่องแรก อย่างไรก็ตามหนี้เสียจาก กยศ. ในสหรัฐอเมริกา สามารถจัดการได้ด้วยการจัดการกระแสเงินสด การจัดการที่ยากและซับซ้อนกว่าคือการจัดการเรื่อง Subprime Mortgage เพราะหากไม่ได้รับการจัดการที่ดี ก็จะล้มครืนทั้งระบบ
ผู้กู้ที่มีความสามารถคืนชำระได้ ควรอย่างยิ่งต้องรับผิดชอบในการคืนชำระหนี้ ยอดชำระเงินแต่ละปีทาง กยศ. กำหนดให้ต่ำอยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหาต่อการดำรงชีวิตปกติ เริ่มที่สองพันบาทปลาย ๆ และยอดชำระจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุงานตลอดระยะเวลาชำระหนี้ 15 ปี ปีละสองหมื่นกว่าบาท ซึ่งสมเหตุสมผลอยู่แล้ว หากผู้กู้ไม่ได้ประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินอย่างมาก ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ใช้คืน ให้สำนึกไว้ตลอดเวลาว่าเป็นความรับผิดชอบ และจงระลึกไว้เลยว่า หากรับผิดชอบมูลค่าหนี้ก้อนนี้ไม่ได้ก็ไม่สามารถกู้เงินก้อนที่ใหญ่กว่านี้เพื่อซื้อบ้านหรือรถได้เช่นกัน
เมื่อตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อ หนี้ กยศ. แล้ว การจัดการก้อนหนี้ก้อนนี้ไม่ยากเลย
เพราะรูปแบบ Finance ของ กยศ. นั้น ให้ประโยชน์สูงสุดกับผู้กู้อยู่แล้ว ยอดชำระเบื้องต้นก็ต่ำในระดับที่เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรีจ่ายได้สบาย ๆ เพียงแต่ต้องการการจัดการเพียงเล็กน้อย นั่นคือวินัยทางการเงิน การมีวินัยได้เริ่มจากการรู้ยอดรับและยอดจ่าย อาจเป็นรายวัน หรือรายเดือน รู้รายจ่ายประจำ และคำนวณรายจ่ายพิเศษได้อย่างคร่าว ๆ ได้
ถ้ายอดชำระหนี้ กยศ. ปีแรก 3,000 บาท เราก็เก็บเงินไว้เดือนละ 250 บาท ครบปีก็มีจ่ายพอดี ช่วงปีท้าย ๆ ยอดชำระจะสูงหน่อยปีละ 25,000 บาทขึ้นไป ก็ให้ออมแยกเป็นกองหนี้ กยศ. เดือนละ 2,100 บาท การวางแผนการออมอย่างเคร่งครัด แต่ไม่หนักหนาเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้กู้ทุกคนสามารถทำได้แน่นอนถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง
ตารางการชำระหนี้คืน กยศ. นั้นดูง่าย ชัดเจน และรู้ล่วงหน้าว่าแต่ละปีต้องจ่ายเท่าไหร่ แค่คำนวณเฉลี่ยเป็นรายเดือนว่าต้องออมเพื่อใช้หนี้เท่าไหร่และจัดให้อยู่ในแผนการใช้เงินก็เพียงพอแล้ว หลายคนที่มีความสามารถจ่ายคืนได้มากกว่านั้น เช่น
- เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 บาท หักภาระทุกอย่างพร้อมหักเงินออมทุกประเภทแล้วยังสามารถเก็บเงินออมส่วนที่จะใช้หนี้คืน กยศ. ได้อีกเป็นเดือนละ 5,000 บาท
- หลายคนบอกว่าเก็บเงินห้าพันบาทไว้ใช้อย่างอื่น ในเมื่อขั้นต่ำจ่ายปีแรกเดือนละ 250 เท่านั้น
ความคิดนี้อาจไม่ถูกต้องทีเดียวนัก เพราะถ้าในชีวิตคุณไม่ได้วางแผนจะมีบ้านเป็นของตัวเองหรือไม่มีแผนจะมีรถส่วนตัว การโปะหนี้กยศ.อาจไม่จำเป็น แต่ความจริงย่อมไม่ใช่ การลดภาระหนี้ในปัจจุบันและเพิ่มกำลังการออมในอนาคต ย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากปัจจุบันออมเพื่อชำระหนี้ กยศ. ได้ห้าพันบาทต่อเดือน ก็ขอให้ได้คงไว้ ถึงวันครบชำระหนี้รายปีก็จะสามารถชำระได้เป็นเงินก้อน 60,000 บาท หากใครมีโบนัสเงินก้อนก็อาจโปะเงินก้อนไปเลยก็จะทำให้ปลดหนี้ได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่กี่ปีก็หมดแล้ว (ไม่ถึง 5 ปี)
ถ้าถามกูรูทางการเงินที่เน้นตัวเลขล้วน ๆ อาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางมีเยอะให้โปะก่อน เพราะ หนี้ กยศ. เป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำมาก ต่ำกว่าดอกเบี้ยธนาคารเสียอีก การนำเงินส่วนที่ชำระแบบโปะไปลงทุนอย่างอื่นเพื่อให้ได้ผลงอกเงยย่อมดีกว่ามาก ถูกตามที่กูรูกล่าว แต่คนมีวินัยการเงินพร้อมด้วยความสามารถในการลงทุนให้ผลทางบัญชีเป็นบวกได้ มีไม่มากนัก หากคุณไม่มั่นใจว่าเราจะเป็นหนึ่งในบุคคลประเภทนั้นได้ ก็จงออมเยอะ โปะให้เยอะ หนี้จะได้หมดเร็ว พอปลอดหนี้แล้วจะวางแผนการเงินในอนาคตอย่างไรก็จะได้ทำได้อย่างสบายตัว
กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเล็งประโยชน์ต่ออนาคตของชาติที่จำเป็นต้องมีการศึกษาเป็นหลัก และกองทุนนี้ก็จำเป็นต้องมีเงินหมุนเวียนเพื่อเลี้ยงตัวเองให้ได้มากที่สุด การที่ลูกหนี้ กยศ. จำนวนกว่าหนึ่งล้านสองแสนคนทั่วประเทศที่ตั้งใจไม่จ่ายคืน ย่อมทำให้เงินหมุนเวียนมีปัญหา และอาจต้องยุบโครงการได้ ดังนั้นการใช้คืน หนี้ กยศ. ย่อมเป็นการส่งผ่านโอกาสที่เราเองเคยได้รับ ส่งต่อให้น้อง ๆ รุ่นต่อไปได้รับโอกาสเช่นเดียวกับเรา เพียงแค่มีวินัยและวางแผนการเงินอีกเพียงเล็กน้อย ก็สามารถใช้คืนหนี้ กยศ. ได้อย่างง่ายดาย
ต้องจ่ายหนี้ กยศ. หมุนเงินไม่ทัน ไม่มีเงินสำรอง สมัครขอเงินก้อนจาก สินเชื่อส่วนบุคคล ซิตี้แบงก์ >> คลิก!