แนวทางเพื่อ การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

สำหรับการสร้างอนาคตที่มั่นคงนั้น ต้องมีการลงทุนบ้าง ใช่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินไปตลอดชีวิตนะคะ เพราะคนเราเองย่อมมีวัยที่เกษียณด้วยกันทั้งนั้น วันนี้เราได้มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนมาให้เพื่อนๆที่กำลังจะลงทุนอะไรสักอย่างได้ทำการศึกษากัน เกี่ยวกับแนวทาง การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ง่ายนิดเดียวเองค่ะดังนี้

• การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ Dollar Cost Averaging (DCA)

ซึ่งเป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นงวดๆ ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องทำการแบ่งเงินลงทุนเป็นจำนวนเท่าๆ กัน และนำไปลงทุนเป็นประจำอย่าได้ขาดเลยนะคะ ตามช่วงเวลาที่ได้กำหนด อาจเป็น รายสัปดาห์ หรือรายเดือน โดยที่ไม่ต้องไปสนใจเลยว่าหุ้นนั้นจะขึ้นหรือลง

การลงทุนแบบนี้จะช่วยจำกัดความโลภของผู้ลงทุนได้ เช่นกาลงทุนด้วยเล่นหุ้นเมื่อเห็นว่าราคาหุ้นนั้นได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่คุณเองทำนั้นคือการขายทิ้งเพราะความกลัวว่าจะลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผลที่ได้คือความขาดทุนค่ะ เพราะซื้อมาในราคาที่สูงแต่ขายออกไปในราคาที่ต่ำ ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถใช้ในการจัดการกับเรื่องนี้ได้ เป็นการกำหนด และสร้างวินัยให้คุณเองได้มีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งที่จะได้รับคือการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ไปในตัวอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : มือใหม่มารู้จักการ ลงทุนแบบ DCA กันเถอะ

• การควบคุมการลงทุน Value Averaging (VA)

วิธีการนี้มาจากแนวความคิดของดร.ไมเคิล เอเดลสัน ซึ่งความคิดดังกล่าวนี้เป็นความคิดที่ต่อยอดมาจากวิธีการลงทุนแบบแรกนั่นเองค่ะ นั่นก็คือ DCA  ซึ่งจะเน้นเรื่องการซื้อขายหุ้นด้วยเงินลงทุนที่เท่ากันอย่างสม่ำเสมอและเป็นประจำตามระยะเวลาที่กำหนดเช่นกัน แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่แบบการลงทุนVA จะควบคุมการลงทุนเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ ถ้าจะให้พุดแบบง่ายให้สามารถเข้าใจด้วยกันได้นั้นคือ แบบแรกจะเน้นเรื่องการลงทุนที่สม่ำเสมอ แต่แบบที่สองจะเน้นเรื่องการเพิ่มเงินลงทุนที่สม่ำเสมอค่ะ

สำหรับวิธีการนี้ไม่ได้ยากอะไรเลย ก่อนอื่นเลยนั้นผู้ลงทุนเองต้องมีเป้าหมาย ว่าจะเพิ่มเงินลงทุนในอัตราที่เท่ากันแต่ละงวดนั้นเท่าไหร่ ซึ่งงวดต่อไปนั้นก็ตั้งเป้าให้เพิ่มกว่างวดแรกเป็นทวีคุณไปเรื่อยๆนั่นเองค่ะ การลงทุนแบบนี้จะมีความแตกต่างในแต่งวด

สำหรับมุมมองอื่นๆนั้นจะเห็นได้เลยว่าการลงทุนแบบ VA นี้เป็นการใช้เงินในจำนวนที่มากขึ้นลงทุนในสภาวะตลอดที่เอื้ออำนวย นั่นก็คือสินทรัพย์มีราคาที่ถูกลง และในกรณีที่ตลาดมีการปรับตัวขึ้น สินทรัพย์ที่มีราคาแพงขึ้น ก็ไม่ต้องไปลงทุนตามกระแสมากแค่นั้นเองขอเพียงแค่ผู้ลงทุนได้ดำเนินไปตามเสต็ปที่วางไว้เพียงเท่านั้นก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว  สิ่งที่น่าสนใจของการลงทุนประเภทนี้จะมีหลากหลายรูปแบบทั้งการซื้อเพิ่มและขายออกในบางงวดซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ลงทุนด้วย จำนวนหุ้นที่ได้มานั้นขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาด ดังนั้นผู้ที่ลงทุนวิธีการนี้ก็อย่าพลาดที่จะติดตามกกระแสตลาดด้วยล่ะ

• การปรับการลงทุนให้เหมาะสมกับผู้ลงทุนที่มีเงินก้อนอยู่แล้ว Portfolio Rebalancing

สำหรับผู้ที่มีเงินก้อนอยู่แล้วนั้น จะต้องมีการจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวด้วยนะคะ ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่แตกต่างไปจากการลงทุน 2 แบบแรกเป็นอย่างมาก นั่นก็คือไม่ได้มีการใส่เงินลทุนเข้าไปทุกงวด แต่จะมีการกำหนดเงินลงทุนที่เราต้องการไว้ เพราะในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเราสามารถทำการซื้อเข้า หรือขายออกได้เมื่อมูลค่าของพอร์ตการลงทุนเพิ่มหรือลด เรียกวิธีการเหล่านี้ว่าการปรับความสมดุลนั่นเองค่ะ ก่อนอื่นเลยนั้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่ามูลค่าการลงทุนนั้นสามารถปรับ หรือเบี่ยงเบนเกินกรอบหรือขอบเขตที่เรากำหนดไว้ได้เท่าใด เช่น 5% , 10% หรือ 20% เพื่อจะได้ไม่ต้องทำการปรับทุกครั้งที่มีข้อมูลเปลี่ยนแปลง

นี้เป็นวิธีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว เนื่องจากเวลาตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เราก็มีโอกาสได้ขายเพื่อเอากำไร อีกทั้งเป็นการเตรียมเงินสดไว้ลงทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่อไปอีกด้วยนั่นเองค่ะ โดยรวมแล้วทำให้เราได้ซื้อเมื่อหุ้นตกและขายเมื่อหุ้นขึ้น จะเป็นการซื้อแพงแต่ขายออกไปในราคาที่ถูกนั่นเองค่ะ

ข้อแนะนำสำหรับการลงทุนด้วยวิธีการนี้จะต้องมีเงื่อนไขที่ต้องทำความเข้าใจเล็กน้อย คือเราควรมีเงินสำรองไว้พอสมควรเผื่อใส่เงินเพิ่มเมื่อหุ้นตก หากท่านจะเริ่มต้นใช้วิธีนี้ แนะนำให้สำรองเงินไว้ 40 – 60%ของมูลค่าเงินลงทุนก็จัดได้เลยว่าดีไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ

จะเห็นได้เลยว่าการลงทุนด้วยการซื้อหุ้นมากักกำไรนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากอย่างที่คิดเลยนะคะ แต่ทั้งนี้สำหรับมือใหม่หัดเล่นอย่างเราๆนั้นก็อย่าลืมที่จะทำการศึกษาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน อย่าลืมที่จะดูการตลาด หรือปัจจัยต่างๆ จะดีไม่น้อยหากได้ทำการพุดคุย หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาย หรือผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาก่อน พึงนึกเสมอเลยว่ามีจำนวนคนไม่น้อยที่มีผลกำไรจากการเล่นหุ้น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่หมดตัว หรือล้มละลายไปกับการเล่นหุ้น ดังนั้นเล่นอย่างรู้ทัน มีสติก่อนตัดสินใจอะไรลงไปนะคะ