บทเรียนราคาแพงเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกที่จำเป็นต้อง ปิดห้างสรรพสินค้า “เดอะมอลล์ ราชดำริ” จากที่เคยล้มจนหมดแรงนอนร้องไห้กลับพลิกประวัติศาสตร์ห้างใหม่ ต้องใหญ่และหรูกว่าเดิมเป็นเท่าตัวศาสตร์สู้ศึกทางการค้าปลีกของ ” ศุภลักษณ์ อัมพุช “ เธอผู้ที่ไม่สามารถผลิตทายาทเพื่อสืบทอดธุรกิจให้แก่ “ตระกูลอัมพุช” มากมายพอมาช่วยร่วมสานอาณาจักรค้าปลีก แต่ด้วยความแกร่งของเธอที่มีมากมายในฐานะรองประธานกรรมการ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และยังควบตำแหน่งประธานกรรมการ ดิ เอ็มโพเรี่ยม สามารถทำให้แวดวงธุรกิจศูนย์การค้าได้เห็นถึงในฝีไม้ลายมือเพราะทุกครั้งที่เดินหน้าออกรบต่อกรกับคู่แข่งในด้านธุรกิจค้าปลีก เธอคนนี้นั้นไม่ได้ดูด้อยกว่าใครเลย
หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์จากวันแรกที่สร้างศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ขนาดเล็ก ชื่อว่า เดอะมอลล์ ราชดำริ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2524 แล้วไม่สามารถทำให้อยู่รอดได้ไปไม่รอดและต้องกลับมาเริ่มคิดหาวิธีการเริ่มต้นใหม่
ในช่วงที่เปิดห้าง เดอะมอลล์ ราชดำริ ด้วยความที่คุณ ศุภลักษณ์ อัมพุช ยังมีอายุที่น้อยอยู่และยังมีประสบการณ์น้อยเกินไป จึงทำให้ห้างที่เปิดขึ้นมาได้เพียง 2 ปีเท่านั้นต้องปิดตัวลงไปทำให้เกิดอาการท้อแท้ถึงขั้นว่าต้องนอนร้องไห้ทุกวัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอคนนี้เศร้าได้ไม่นานและเริ่มต้นคิดใหม่ทำใหม่ด้วยการคิดว่าครั้งต่อไปจะไม่ทำอะไรเล็ก ๆ แต่จะเริ่มทำอะไรที่ใหญ่ ๆ ไปเลย เมื่อประกาศออกมาเช่นนี้ในช่วงปี 2526 จึงเข้าไปบุกเบิกและเปิดทำห้างค้าปลีกแห่งใหม่ย่านรามคำแหงมีชื่อว่า เดอะมอลล์ รามคำแหง และตามมาด้วย เดอะมอลล์ ท่าพระ,เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน เดอะมอลล์ บางแค ,เดอะมอลล์ บางกะปิ และเปิดต่อเนื่องมาจนถึงห้าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม ในช่วงปี 2540 ห้างทุกห้างที่เปิดขึ้นมาจะเน้นเป็นห้างขนาดใหญ่และยึดเอาย่านที่เป็นมุมเมืองใหญ่ ในช่วงที่กำลังเปิดห้าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม เป็นช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง มีแต่คนมองว่าจะไม่สามารถอยู่รอดได้ แต่วิกฤติกลับกลายเป็นโอกาส แม้ว่าค่าเงินจะลอยตัว แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่รู้ข่าวกลับไหลมาเทมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและนิยมมาเดินเล่นและ Shopping ที่ห้างแห่งนี้ ทำให้ยอดขายสินค้าพุ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่
ห้าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่องโตขึ้น 30% ทุกปี ซึ่งความเป็นจริงแล้วจะโต 10% ยังถือว่ายากมากแล้วในช่วงนั้น แต่ห้าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม กลับสวนกระแสทำยอดขายต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี ห้าง ดิ เอ็มโพเรี่ยม กลายเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จครั้งใหญ่ของการดึงแบรนด์ดังทั้ง Chanel ,Hermes ,Cartier มาปลุกให้ดิ เอ็มโพเรี่ยม ให้เป็นย่านการค้าที่ใหญ่และคึกคักระดับประเทศ ในช่วงปี 2548 “The Jewel of Asia” ในนาม “สยามพารากอน” จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและเกิดขึ้นมาและมีการรวมลงทุนอย่างต่อเนื่องตามสถานที่หลักทั่วทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล อีกทั้งยังมีห้างขนาดใหญ่ขยายอาณาเขตออกมาตามจังหวัดใหญ่ ๆ ทั่วประเทศไทยอีก เพราะความหวังสูงสุดของผู้หญิงคนนี้คือต้องการยกระดับประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
ด้วยความที่ไม่ยอมแพ้ แต่กลับมองสิ่งที่เคยล้มให้เป็นแรงผลักดันทำให้จากนักธุรกิจที่เคยล้มเหลวกลับมายืนอยู่ในฐานะหญิงเหล็กของธุรกิจค้าปลีก และภายในปีหน้ายังคงมีโครงการที่ร่วมลงทุนอีกมากมายอีกหลายโครงการที่กำลังจะผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ธุรกิจห้างค้าปลีกคงไม่มีใครสามารถยืนอยู่และสู้กับทาง ศุภลักษณ์ อัมพุช ท่ามกลางการเมืองและการบริหารประเทศที่เหมือนกับว่าไร้เสถียรภาพทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นเพราะความโชคดีที่เธอนั้นสามารถเสาะหาผู้รับเหมาก่อสร้างง่ายและมากด้วยฝีมือเพื่อพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 ปีเหตุการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ อาจยุติลง
“นี่เป็น Long term vision ที่ผ่านมานั้นทางเราไม่ได้ลงทุน เพราะยังไม่มีความพร้อมและเรายังอยากได้อะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมากจริง ๆ เราเคยทำสยามพารากอนร่วมกับพันธมิตร สยามพิวรรธน์มาแล้วจึงเรียกได้ว่าเป็นโปรเจคที่ใหญ่จะให้กลับมาทำอะไรเล็ก ๆ คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่เราสร้างไม่ได้ทำเพื่อตัวเอาเอง แต่ต้องการยกระดับประเทศไทยให้ทั่วโลกจับตามอง และต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการค้าปลีก”คำให้สัมภาษณ์ของเธอในเว็บกรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ที่ผ่านมา เดอะมอลล์ ดูจะผลิตมืออาชีพไม่ทันตามความต้องการเติบโตขององค์กรแหล่งข่าวจากบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ระบุไว้ว่า ตระกูลศุภลักษณ์นั้นไม่สามารถผลิตทายาทเพื่อสู่ธุรกิจได้ทันเวลาจึงจำเป็นต้องดึงมืออาชีพจากภายนอกเข้ามาช่วยเหลือองค์กร โยการดึงเอา แมทธิว กิจโอธาน จากเครือไทยเบฟฯ ทอม ฮูเซล ที่มาจากอิเกีย จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ที่มาจากโซนี่ไทย เข้ามาร่วมงานและร่วมกันดำเนินโครงการให้เจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่การดึงเอามืออาชีพเข้ามาร่วมงานนั้น แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จนั้นก็เพราะว่า การเลือกทำเลที่ดีเน้นทำเลที่เป็นเหมือนดั่งเพชรน้ำเอกเท่านั้น โดยทำเลของโปรเจคแต่ละที่นั้นใช้เวลาในการคัดเลือกนานนับปี อาทิ เช่น ที่ดินที่จังหวัดภูเก็ตใช้เวลานานเกือบ 3 ปีเพื่อกว้านซื้อที่ดินทั้งหมด 150 ไร่ ที่ดินย่านสุขุมวิทใช้เวลาประมาณ 5 ปี ที่ดินย่านบางนา-ตราดใช้เวลาเกือบ 2 ปี จนสามารถกินรวบพื้นที่ได้ตั้งแต่ต้นถนนสุขุมวิทยาวถึงแยกบางนา
การหาพื้นที่เพื่อก่อตั้งโครงการจึงเป็นอีกหนึ่งหลักสำคัญของการดำเนินธุรกิจและการคัดเลือกพื้นที่เพื่อก่อตั้งโปรเจคแต่ละที่ก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังอีกเลย จึงไม่ต้องแปลกใจกันไปเลยว่าทำไมจึงมีการประกาศศักดาบิ๊กโปรเจคออกมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องมานั่งสนใจเรื่องเศรษฐกิจบ้านเมืองเลยเพราะทุกโปรเจคสามารถเอาอยู่ ในปัจจุบันเธอจะผลักดันรายได้ให้สามารถทะยานแตะ 1 แสนล้านในช่วงเวลา 10 ปีให้ได้ คาดว่าอีกไม่นานสิ่งที่เธอตั้งเป้าเอาไว้คงสำเร็จไม่ยากเพราะ ณ ขณะนี้รายได้แตะอยู่ที่ 5 หมื่นล้านแล้ว และเพื่อเพิ่มยอดรายได้ให้ได้ตามเป้าได้เธอจึงเริ่มมองหาที่ดินเพื่อเริ่มโปรเจคใหม่เพิ่มอีก 2-3 ที่ในช่วงปีหน้าที่กำลังใกล้เข้ามาถึง การดำเนินธุรกิจของเธอไม่มีคำว่าถอยหลังมีแต่คำว่าก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียวและเธอคนนี้พร้อมเผชิญทุกสิ่งก้าวเข้ามาหาเธอในอนาคตวันข้างหน้า