การเสียภาษี เป็นหน้าที่ เป็นสิ่งดีๆที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง แต่ภาพลักษณ์ของคนเลี่ยงภาษี ดูเหมือนว่าจะได้รับการยกย่องว่า เก่ง ฉลาด แต่เคยคิดหรือไม่ว่า มันคือฉลาดแกมโกง แม้จะทำถูกต้อง เพียงอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย ก็สามารถยืนหยัดอย่างสง่างามได้ในสังคม อย่าได้รับเอาความคิดและทัศนคติอย่างนั้นมาไว้ในตัวเราเลย ใช่ว่าเงินทองที่ต้องใช้ไปในการจ่ายภาษีนั้นจะมากมาย ร้ฐบาลก็เปิดช่องให้มีค่าลดหย่อนอยู่แล้ว ก็น่าจะใช้ประโยชน์กับช่องทางลดหย่อนภาษีนี้ให้ดีและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ ควรจะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและภาษีให้ถูกต้องตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาตามแก้ไขภายหลัง วันนี้มาดูหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับการเสียภาษีและบทลงโทษในการหลบเลี่ยงภาษีกัน
อ่านเพิ่มเติม : เงินเดือนเท่านี้ เสียภาษีเท่าไหร่ ? ฉบับ ภาษีเงินได้ ปี 60
ใครบ้างที่มีหน้าที่เสียภาษี
ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีคือ ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างปีที่ผ่านมา เช่น บุคคลธรรมดา บริษัท ห้างหุ้นส่วน กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี และวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น ในที่นี้ขอกล่าวถึง เรื่องของบุคคลธรรมดา ว่าจะต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร เมื่อมีเงินขึ้นมา สิ่งแรกคือ การไปขอมีเลขบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ภายใน 60 วัน หลังจากมีเงินได้เข้ามา ถ้าเป็นคนทำงานกินเดือน ก็ประมาณว่า ต้องขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีภายใน 2 เดือน แต่ปัจจุบันผู้ที่มีเลขที่บัตรประชาชน หรือเป็นคนไทย ให้ใช้เลขบัตรประชาชนได้เลย ดังนั้นคนต่างด้าวหรือกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง จะต้องทำการขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ข้อที่สองที่ต้องทำ เมื่อได้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว ก็คือ ต้องยื่นแบบแสดงรายการ ปีละ 1 ครั้ง กำหนดการยื่นจะไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี สถานที่ในการยื่นแบบมีหลายที่ตามสะดวก คือ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ที่ทำการไปรษณีย์ และทางอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซด์ของกรมสรรพากร
ถ้าไม่ได้ยื่นแบบหรือชำระภาษีในกำหนดเวลา หรือชำระไว้ไม่ถูกต้อง หลบหลีก ตุกติก จะมีความผิดอย่างไร
ในกรณีที่ชำระหรือยื่นแบบเกินกำหนดเวลา จะต้องเสียค่าปรับเป็นเงินเพิ่ม ร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ชำระล่าช้ายิ่งนาน ก็ยิ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น ประมาณว่ายิ่งถ้าใครต้องมียอดในการจ่ายภาษีมาก ค่าปรับเงินเพิ่มก็จะมากด้วย ในกรณีที่เราละเลยไม่ได้ยื่นแบบ หรือยื่นแบบไว้แต่แสดงรายการจ่ายภาษีไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือดูแล้วต่ำเกินไป แล้วมีเจ้าพนักงานตรวจพบและออกหมายเรียก จะต้องเสียค่าปรับเป็นเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนตามข้อแรก และจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มตามจำนวนเงินที่เสียภาษีอีก 1 เท่า หรือ 2 เท่า แต่เบี้ยปรับนี้อาจมีการลดหรืองดได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรี การเสียค่าปรับ 1 เท่า หรือ 2 เท่านั้น นับว่าไม่น้อย ถ้าแลกกับการทำอะไรให้ถูกต้องตรงตามระบบระเบียบตั้งแต่แรก จะกลายเป็นเรื่องเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย อีกทั้งยังเสียประวัติอีกด้วย
เมื่อรับรู้โทษของการไม่ยื่นแบบหรือหลบเลี่ยงภาษีแล้ว จะเห็นได้ว่า ด้วยระบบการตรวจสอบของรัฐ เมื่อเราทำไม่ถูกต้อง วันหนึ่งก็จะต้องถูกตรวจพบอยู่ดี เงินที่ต้องเสียอยู่แล้วตั้งแต่แรก ก็ต้องเสียอยู่ดี และต้องมาโดนค่าปรับเพิ่มเติมด้วย และที่ต้องเสียอีกอย่างหนึ่งคือ การเสียเวลาไปเข้าพบเจ้าพนักงาน ดังนั้นไม่ว่าเราจะงานยุ่งหรือขัดสนเงินทองขนาดไหน ยังไงก็ควรต้องทำการยื่นแบบแสดงรายได้ให้ทันตามกำหนดและจ่ายภาษีให้ครบถ้วนตามความเป็นจริง จะว่าไปแล้ว ถ้าฐานเงินรายได้เรายังน้อย เมื่อหักค่าลดหย่อนต่างๆแล้ว มักจะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ต้องชำระเงินเลยด้วยซ้ำ หรือถ้ามีการชำระ ก็มีส่วนที่ขอคืนภาษีได้ การเสียภาษีเป็นหน้าที่ ไม่ควรหลบเลี่ยง ทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก เพื่อในอนาคตเราเติบโตสร้างธุรกิจห้างร้านเป็นของตัวเอง อย่างน้อยก็มีความรู้เกี่ยวกับระบบภาษีที่ถูกต้องติดตัวไปด้วย นับเป็นประโยชน์อีกทางหนึ่ง