เมื่อถึงเวลาที่ต้องเสียภาษี เหล่าผู้คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต่างก็พากันมาเสียภาษีอย่างถูกต้องและตรงเวลา ปัจจุบันสามารถยื่นแบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว พร้อมทั้งมีอีกสิ่งหนึ่งที่จูงใจคนที่เสียภาษีได้ดีนั้นคือการได้คืนเงินภาษี ที่เป็นเงินคืนให้แก่ผู้ที่มีสิทธิของผู้เสียภาษีอาการ ที่เกิดจากการเสียภาษีเกินกว่าที่ควรโดยไม่มีหน้าที่ที่ต้องเสียในส่วนนั้น ทั้งเรื่องของค่าการบริจาคต่าง ๆ หรือการที่บิดามารและคู่สมรสไม่มีรายได้ใด ๆ ทั้งนี้ก็จะมีการคำนวณจากรายได้เป็นหลัก เมื่อค่าเหล่านี้รวมกันแล้วเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ ผู้เสียภาษีก็จะได้เงินภาษีคืน แต่จะได้หลังจากการที่ผู้เสียภาษียื่นแบบฟอร์มการเสียภาษีพร้อมทั้งชำระเงินไปจนครบถ้วนแล้วเท่านั้น ซึ่งการเสียภาษีก็มีอยู่มากมายหลายแบบ แต่เกือบทุกแบบสามารถที่จะยื่น ขอคืนภาษี ได้เช่นกัน
แต่ผู้เสียภาษีบางคนก็เกิดความโลภอยากได้เงินคืนที่เยอะขึ้น จึงมีการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นจริงลงไป จนอาจทำให้เกิดเป็นความเท็จ และนอกจากจะไม่ได้เงินภาษีคืนแล้วก็อาจจะยังโดนตำรวจเรียกไปคุยด้วยได้เช่นกัน
ทั้งนี้ขอควรระวังในการกรอกข้อมูลเพื่อรับคืนเงินภาษีนั้นก็มีอยู่หลายข้อ เช่น
-
การกรอกจำนวนเงินผิดที่หรือการไม่เข้าใจต่อตารางคำนวณ ใส่ประเภทเงินผิดที่ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเงินพึงได้ประเมินแล้วอยู่ที่เท่าไหร่ ก็จะทำให้สิทธิในการหักค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง ผิดเพี้ยน ซึ่งอาจจะนำมาสู่การไม่ได้คืนเงินภาษี
-
เงินได้ของภรรยาต้องยื่นรวมกับการคำนวณของสามี โดยเฉพาะในคู่แต่งงานที่สมรสกันมาก่อนปี 2550 จะต้องมีการยื่นรวมเงินได้ประเภทอื่น ๆ ของภรรยากับสามีร่วมกัน และสมุดบัญชีธนาคารที่รับเงินที่ได้จากการปันผลในการถือหุ้น หรือซื้อกองทุนต่าง ๆ จะนำเอาไปรวมคำนวณภาษีด้วยก็ได้ หรือจะเอาไปรวมกับเงินได้ประเภทอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องเอาดอกเบี้ยของทางธนาคารเข้ารวมกับการคำนวณภาษีไปด้วย ไม่สามารถเลือกบัญชีได้ จะต้องนำเอาไปรวมกับการคำนวณภาษีทั้งหมดโดยไม่สามารถเลือกบางรายการได้
-
การใช้สิทธิยกเว้นในการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนตราสารต่าง ๆ ของทางสถาบันการเงิน ผู้ใช้สิทธิ์ต้องพึงระวังไม่ใช้สิทธิเกินร้อยละ 15 ของเงินประเมิน
-
ค่าอุปาการะเลี้ยงดูบุพการีนั้น ต้องตรวจสอบดูว่า บิดาและมารดาอายุเกิน 60 ปีแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่สามารถยื่นลดภาษีได้ และผู้ที่ยื่นก็ต้องตกลงกับพี่น้องเอาเองว่าใครจะเป็นคนยื่น เพราะใน 1 ครอบครัวไม่ว่าจะมีลูกกี่คนก็สามารถยืนลดภาษีตัวนี้ได้แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายปัญหาที่มีผู้เสียภาษีได้พบเจอมาอย่างมากมายทั้งเรื่องของการถูกดองเรื่องคืนเงินภาษีไว้ หรือแม้กระทั่งการโดนเจ้าพนักงานในกรมสรรพากรหลอกก็มีอยู่อย่างมากมาย จึงควรที่จะต้องตรวจสอบการกรอกข้อมูลให้ดีก่อนการส่งไปที่กรมสรรพากร และการเข้าอ่านรายละเอียด พร้อมทั้งข้อมูลทั้งหมดให้ดี ซึ่งในบางรายใช้เวลาถึง 10 เดือนกว่าจะได้เงินคืน ซึ่งผู้เสียภาษีก็ต้องมีการตรวจสอบให้ดีก่อนว่าความผิดอยู่ที่ใคร ถ้ามั่นใจแล้วว่าความล่าช้านี้ ความผิดไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเรา ก็สามารถที่ร้องเรียนไปยังหน่วยงานภาครัฐ หรือโทรไปทวงถามได้ทันที่
- เบอร์ส่วนกลางหน่วยงานคืนภาษี 02-294-6900
- และควรที่จะส่งแฟกซ์เอกสารการร้องเรียนไปที่เบอร์ 02-294-6408
- ไม่ควรที่จะโทรแล้วส่งเอกสารหรือเรื่องการร้องเรียนไปที่ตัว Call center เพราะจะทำให้ล่าช้า
- และควรที่จะส่งตรงไปยังเบอร์ที่แจ้งไว้เลยทันที และควรที่จะเริ่มติดตามเรื่องการคืนภาษีตั้งแต่เดือนแรก ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยผ่านทางหน้าเว็บของกรมสรรพากรที่มีระบบการให้ติดตามผลการคืนเงิน พร้อมทั้งช่องทางติดต่อต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถที่ตรวจสอบสถานะการคืนเงินภาษีของตัวเองได้ แต่ถ้านานจนเกินไปก็สามารถที่จะโทรไปสอบถามที่กรมสรรพากรเองได้เลยเช่นกัน
ทั้งนี้เรื่องของการคืนเงินภาษีในแบบแปลก ๆ หรือบางคนอาจจะรู้สึกว่าตนเองโดนโกงจากรมสรรพากรเลยนั้น มีให้อ่านตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งทางกรมสรรพากรเองน่าที่จะมีมาตรการในการเข้าตรวจสอบในแต่ละกรณีไป แล้วเข้าถึงปัญหาต่างนี้พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากและชื่อเสียงที่เสียไปขององค์กร
ทั้งนี้กระทู้จากผู้ใช้ของเว็บพันทิปท่านนี้ ได้มีการกล่าวอ้างถึงการโดนกรมสรรพกรหลอก พร้อมทั้งบอกถึงรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และคิดว่าน่าจะเป็นอุทาหรณ์ชั้นดีแก่ผู้ที่เสียภาษีและกรมสรรพากรเอง ซึ่งโดยรวมเป็นที่ตัวบุคคลากรของกรมสรรพากรทำอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือมีเจตนาไม่ดีจริงหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่าผู้อ่านจะตัดสินใจกันแบบไหน แต่คิดว่าเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังจะต้องไปเสียภาษีและ ขอคืนเงินภาษี กันไม่มาก็ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดทั้งหมดของกระทู้ได้ที่ http://pantip.com/topic/31590551
เพิ่มเติม : บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ แคชแบ็ก รับเงินคืน ทุกครั้งที่ใช้จ่าย