ผ่านปีใหม่มาแล้วหนึ่งเดือน ตอนนี้ก็เข้าเดือนที่สองกันไปแล้ว ช่วงนี้ก็เป็นฤดูกาลแห่งการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากัน ใครที่ยังไม่ได้ยื่นก็เริ่มได้แล้ว เพราะถ้ารอไปถึงใกล้ๆ คนน่าจะเยอะถ้ายื่นทางอินเตอร์เน็ตระบบก็อาจจะล่มได้ ส่วนถ้าใครจะไปยื่นที่สรรพากรด้วยตัวเองก็อาจจะต้องรอคิวนานสักหน่อย แต่สำหรับใครที่ยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มวางแผนภาษีให้กับตัวเองสำหรับปีนี้กันดีกว่า เพราะถ้าเริ่มวางแผนดีเชื่อได้ว่าเราจะสามารถประหยัด ภาษี ได้จนเกือบจะไม่ต้องจ่ายกันเลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม : ภาษีเรื่องง่ายๆ คำนวณเป็น วางแผนเป็นก็ช่วย ลดหย่อนภาษี ได้
ซึ่งการวางแผน ภาษี ให้กับตัวเราเองนั้นไม่ยุ่งยากเลย มีเพียง 4 ขั้นตอนง่าย มาเริ่มกันเลยที่
ข้อหนึ่งต้องรู้จักวางแผนเรื่องภาษีของตัวเองตั้งแต่ต้นปี
ด้วยการติดตามข่าวสารด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างสม่ำเสมอ ต้องดูแลจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษีให้เป็นระเบียบและสามารถค้นหาได้ง่าย รวมทั้งเราต้องปรับปรุงและประเมินแผนภาษีที่เคยทำไว้ให้เป็นปัจจุบัน และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่เสมอ เพราะว่าข้อมูลต่างๆ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราต้องติดตามให้ดี
สองต้องรู้ว่าตัวเองมีรายได้และค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
เราต้องตรวจสอบตัวเองดูว่าเรามีรายได้เป็นเงินได้ประเภทไหนบ้าง และมีรายได้ประเภทไหนที่ต้องเสียภาษี และมีรายได้ประเภทไหนที่ได้รับการยกเว้นภาษี ต่อจากนั้นก็มาดูว่ารายได้แต่ละประเภทเราจะหักค่าใช้จ่ายแบบไหนดี และสามารถหักได้เท่าไร เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราจะมีเงินได้เหลืออยู่เท่าไรที่ต้องเอาไปคิดภาษี
สามต้องรู้ว่าตัวเราเองได้รับสิทธิลดหย่อนอะไรบ้าง
คือ เราจะต้องตรวจสอบว่าเรามีสิทธิใช้ค่าลดหย่อนอะไรได้บ้าง เป็นจำนวนเท่าไร เพื่อที่เราจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง เพราะรายการลดหย่อนบางรายการเราก็จะได้รับอัตโนมัติ เช่น ลดหย่อนบุตร ลดหย่อนกรณีที่เลี้ยงดูบุพการี หรือจะเป็นรายการลดหย่อนที่ต้องสร้างขึ้นเองผ่านการลงทุน เช่น การซื้อกองทุนรวม LTF หรือ RMF การซื้อประกันชีวิต เงินจากการบริจาค เป็นต้น
สี่ต้องรู้จักจัดสรรเงินลงทุนไปลงทุนทางเลือกต่างๆ
เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางภาษี นั่นก็คือ เราจะต้องจัดสรรการลงทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้สอดคล้องกับแผนและเป้าหมายทางการเงินของเรา ซึ่งนอกจากจะทำให้เสียภาษีลดลงอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นคั่งและเพิ่มความมั่นคงทางการเงินได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคตยามที่เราไม่ทำงานแล้วได้เหมือนกัน
แล้วทำไมเราต้องวางแผนภาษีกันตั้งแต่ต้นปีด้วย คำตอบง่ายๆ มีแค่ข้อเดียวเลย คือ เพื่อที่เราจะได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ที่ได้จากการลงทุนทั้งในกองทุนรวม LTF กองทุนรวม RMF หรือจะเป็นการซื้อประกัน ที่ให้สิทธิประโยชน์กันเป็นแสนๆ ดังนั้นถ้าเราไม่เริ่มวางแผนและลงทุนตั้งแต่ต้นปี แต่เก็บเอาไว้ไปลงทุนครั้งเดียวตอนปลายปีเราอาจจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะมาลงทุนเลยก็ได้ เพราะถ้าเราวางแผนตั้งแต่ต้นปีเราก็สามารถทยอยซื้อสะสมไปเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน จนครบเพดานสิทธิลดหย่อนที่ได้รับ และเราก็ยังจะได้รับผลตอบแทนที่เกิดจากการลงทุนในแต่ละเดือนด้วยอีกต่างหาก
หรือจะเป็นเรื่องการตรวจสอบอัตราเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บางคนไม่เคยสนใจ บริษัทให้หักเท่าไรก็เท่านั้น ไม่เคยดูเงื่อนไขของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีอยู่เลย ถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจจะทำให้เสียสิทธิต่างๆ ได้ ทั้งการนำเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปหักออกจากเงินได้สำหรับใช้คำนวณภาษี อีกทั้งเสียสิทธิที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกต่างหาก
มาดูตัวอย่างดีกว่าว่าการวางแผนภาษีจะช่วยทำให้เราประหยัดภาษีได้มากน้อยแค่ไหน
สมมติว่าเรามีเงินเดือน 70,000 บาท และได้โบนัสมาอีก 3 เดือน ดังนั้นทั้งปีเราจะมีรายได้ทั้งหมด 1,050,000 บาท และเราไม่สนใจเรื่องของตัวเอง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ไม่เลือกบริษัทก็เลยหักด้วยอัตราเดิมตลอด คือ 3% อีกทั้งไม่สนใจที่จะลงทุนอะไรเลย
ดังนั้นสิ่งที่จะนำมาหักรายได้เพื่อคำนวณภาษีก็จะมีเพียง
- ค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่ได้ตามกฎหมาย นั่นคือ 60,000 และ 30,000 บาท
- รวมกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3%
- เงินประกันสังคมอีก 9,000 บาทเท่านั้น
ดังนั้นรายได้ที่ต้องเสียภาษีจะเท่ากับ 952,000 บาท แน่นอนว่าจำนวนเงินเท่านี้ภาษีที่ต้องเสียจึงเท่ากับ 100,160 บาทเลยทีเดียว
แต่ถ้าเรามีการวางแผนสักนิด โดยการเปลี่ยนอัตราเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจาก 3% เป็นอัตราสูงสุดที่บริษัทมีนั่นก็คือ 10% จะทำให้เรามีเงินมาหักเพิ่มขึ้นเป็น 84,000 บาท และเราก็มีการลงทุนด้วยจำนวนสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ ซื้อกองทุนรวม LTF กองทุน RMF และประกันชีวิตแบบบำนาญ อย่างละ 157,500 บาท อีกทั้งซื้อประกันชีวิตอีก 100,000 บาท ซึ่งจะทำให้เรามีเงินไปลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นถึง 572,500 บาท และก็จะทำให้รายได้ที่จะไปคำนวณภาษีของเราเหลือเพียง 294,500 บาท ภาษีที่เราต้องจ่ายก็เหลือเพียง 7,225 บาทเท่านั้น
เห็นหรือเปล่าว่าถ้าเราวางแผนภาษีแต่เนิ่นแล้วเราสามารถประหยัดภาษีจากหลักแสนมาเหลือเป็นหลักพันกันได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเริ่มวางแผนภาษีกันตั้งแต่ต้นปีกันดีกว่า…ปลายปีจะได้สบาย และแถมยังได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มอีกต่างหาก