ขายของออนไลน์ เสียภาษี ยังไง?
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรามากขึ้น ก็ส่งผลให้พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของคนไทยส่วนใหญ่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน และหนึ่งในคำถามใหญ่ที่ตามมาก็คงไม่พ้นขายของออนไลน์ เสียภาษี ยังไง? วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกัน
ขายของออนไลน์ ต้องเสียภาษีมั้ย?
คำตอบคือ “ต้องเสียภาษี” หากมีรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ผู้ขายจะต้องยื่นภาษี และชำระภาษีเช่นเดียวกับธุรกิจทั่วไป หรือกล่าวคือไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ทั้งงานหลัก และงานเสริม หากมีรายได้ก็จำเป็นต้องแจ้งให้กับทางสรรพากร และหากมียอดเกินเกณฑ์ที่กำหนดก็จะต้องเสียภาษีนั่นเอง
ภาษีที่ต้องรู้ในการขายของออนไลน์
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 94)
สำหรับบุคคลธรรมดาที่ขายของออนไลน์ รายได้จากการขายถือเป็น เงินได้พึงประเมิน ซึ่งต้องนำมาคำนวณภาษีประจำปี
วิธีคำนวณภาษี:
-
- นำรายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายตามกฎหมายกำหนด
(เลือกแบบเหมา 60% หรือแบบรายการจริง) - หักค่าลดหย่อน เช่น ลดหย่อนส่วนตัว ประกันชีวิต หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- คำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได
- นำรายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายตามกฎหมายกำหนด
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- หากมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับกรมสรรพากร
- ผู้ขายต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้าในอัตรา 7% และยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ
กรณีที่ธุรกิจเกี่ยวข้องกับการให้เช่า หรือบริการอื่นที่ไม่ใช่การขายสินค้า อาจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ขายของออนไลน์ เสียภาษี ยังไง?
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ง.ด.)
- ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 (รายได้ทั้งปี) และ ภ.ง.ด. 94 (รายได้ครึ่งปี)
- ยื่นผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากรหรือสำนักงานสรรพากรในพื้นที่
- การบันทึกบัญชีรายได้ และรายจ่าย
เก็บหลักฐานการซื้อ-ขาย เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี และรายงานยอดขายจากแพลตฟอร์มออนไลน์
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีจำเป็น)
หากยอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียน VAT และจัดทำเอกสารใบกำกับภาษี
การเสียภาษีผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นมา แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Lazada, Shopee, และ Facebook Marketplace อาจมีการรายงานธุรกรรมของผู้ขายให้กับกรมสรรพากรโดยตรง ดังนั้น ผู้ขายควรตรวจสอบความถูกต้องของยอดขาย และยื่นภาษีให้ครบถ้วน
ไม่ยื่นภาษีจะเป็นไรมั้ย?
การไม่ยื่นภาษีหรือจ่ายภาษีไม่ครบถ้วน อาจมีผลทางกฎหมาย เช่น
- ค่าปรับ สำหรับการยื่นภาษีล่าช้าหรือยื่นผิด
- เบี้ยปรับและดอกเบี้ย สำหรับการชำระภาษีไม่ครบ
- การถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากร
เคล็ดลับการจัดการภาษีของพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์
- เก็บเอกสารสำคัญให้เป็นระบบ: รวมถึงรายงานจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ใบเสร็จรับเงิน และหลักฐานค่าใช้จ่าย
- ใช้ซอฟต์แวร์บัญชี: ช่วยจัดการรายรับรายจ่าย และสรุปข้อมูลเพื่อการยื่นภาษีที่แม่นยำ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี: หากไม่แน่ใจในกระบวนการ อาจขอคำปรึกษาจากนักบัญชี หรือนิติกรภาษี
คงพอเห็นภาพแล้วว่าการขายของออนไลน์ไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจตลาด และลูกค้า แต่ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งการยื่นภาษีตามกฎหมายจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ และป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต สำหรับใครที่กำลังวางแผน หรือเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ ก็ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับภาษี และวางแผนการเงินให้รัดกุม เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนนั่นเอง