ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของทางกลุ่มนักธุรกิจมากนัก ในเรื่องของ แนวโน้ม ค่าเงินบาทสูงขึ้น มาตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วและยังคงปรับตัวขึ้นๆลงๆ (แต่ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงมากกว่าปรับขึ้น) มาตลอดเวลาก็ตาม ซึ่งก็เป็นผลมาจากหลายๆอย่างทั้งทางด้านการลงทุน ความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในประเทศของเราหรือแม้กระทั่งต่างประเทศก็สามารถส่งผลถึงระบบเงินตราของเราได้ทั้งนั้น ดังนั้นวันนี้เราจึงมาพูดถึงภาวะค่าเงินบาททั้งในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตกัน เพื่อให้หลายคนได้เข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับค่าเงินบาทมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ก็ดูเหมือนว่าค่าเงินบาทจะมีความผันผวนอยู่ไม่น้อยและก็ได้สร้างความลำบากในเรื่องเศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก จากเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาเรามีค่าเงินบาทที่อ่อนที่สุดในรอบ 8 ปีที่ 36.50 บาท และล่าสุดก็ปรับมาอยู่ราวๆ 35 บาทแล้วในช่วงนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกและประเทศเพื่อนบ้านโดยส่วนใหญ่นั่นเอง และมูลเหตุที่สำคัญก็มาจากนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐนั่นเอง ที่ดูเหมือนจะยังไม่มีความแน่นอนสักเท่าไหร่นัก เรื่องของเงินตราจึงดูผันผวนไปตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำได้ก็คือการเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลานั่นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมรับมือกับค่าเงินบาทที่ไม่คงที่และไม่แน่นอนสักเท่าไหร่
อ่านเพิ่มเติม >> ค่าเงินบาท มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ? <<
สำหรับคนทั่วไปก็อาจจะไม่มีอะไรมาก นอกจากการลดรายจ่ายลงให้มากที่สุดและพยายามเก็บออมเงินไว้ก่อนเพื่อรอดูแนวโน้มทางเศรษฐกิจต่อไปอีกสักพัก ส่วนทางนักลงทุนนั้นอาจจะปัญหามากกว่าอยู่บ้าง เนื่องจากมีเงินทุนที่ลงทุนไปแล้วรอให้เราสร้างกำไรเพื่อคืนทุนหรือบริหารให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ดังนั้นสำหรับธุรกิจเรามีแนวทางในการรับมือกับค่าเงินที่ผันผวนนี้มาฝากกัน
-
เพิ่มความหลากหลายให้สินค้า
หากเป็นธุรกิจที่ขายสินค้าในต่างประเทศแต่ไม่ได้เปิดตลาดกว้างมากนัก หรือมีการขายในวงแคบไม่ได้หลากหลายประเทศนัก ก็ควรจะพัฒนาสินค้าให้ขายได้หลากหลายประเทศหรือกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของเงินตราในสกุลเดียวนั่นเอง แม้ว่าเงินตรามักจะผันผวนไปในทางเดียวกัน แต่ขนาดของความเปลี่ยนแปลงจะแตกต่างกันออกไปนั่นเอง ดังนั้นเมื่อทำธุรกิจการค้าขาย หรือธุรกิจอะไรก็ตาม ควรพยายามขยายธุรกิจให้กว้างขวางและมีสาขาในต่างประเทศและหลายประเทศมากขึ้น เพื่อให้ได้รายได้ที่สูงขึ้นจากค่าเงินที่ต่างกันนั่นเอง
-
สร้างข้อต่อรอง
อาจจะเป็นเรื่องราคาและโปรโมชั่นที่เหนือกว่าบริษัทอื่นๆ หรืออาจจะเป็นการขายจุดเด่นของสินค้าที่เรามีเหนือคนอื่นๆก็ได้ ซึ่งเป็นจุดที่จะสามารถดึงดูดใจผู้ใช้งานได้ว่าถ้าอยากสินค้าแบบนี้ก็ต้องมาทีเราเท่านั้น เป็นต้น แต่ทั้งนี้อย่าลืมจัดการต้นทุนให้ต่ำลงด้วย แต่สินค้าต้องยังคงคุณภาพ เพื่อให้คุณมีลูกค้ามากขึ้นได้ โดยที่กำไรก็มากขึ้นด้วย
-
สร้างสัญลักษณ์สินค้า
สำหรับเรื่องของสัญลักษณ์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลย เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้หลายๆคนสามารถจดจำได้ว่าเมื่อเห็นสัญลักษณ์นี้ต้องคิดถึงสินค้าอะไรและของใคร ซึ่งการสร้างสัญญลักษณ์ก็เป็นศาสตร์ที่ซ้ำซ้อน ทั้งเรื่องการจัดวางองค์ปประกอบ การใช้สี และการออกแบบโดยรวมทั้งหมดให้สามารถจดจำได้ง่าย มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครและสามารถสื่อความหมายถึงสินค้านั้นๆได้เป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งเดี๋ยวนี้การสร้างสัญลักษณ์ให้กับสินค้า ก็สามารถทำได้ทั้งโลโก้หรือตัวการ์ตูนมาสคอตกันเลยทีเดียว เพียงแต่ต้องเน้นไปที่ความแปลกใหม่ สะดุดตา เพื่อให้เกิดความสนใจต่อผู้พบเห็นและเพื่อการจดจำได้ง่ายขึ้น
-
วางแผนธุรกิจให้ดี
ในที่นี้คือการวางแผนให้รัดกุม เหมือนต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขาที่หลากหลาย ว่าถ้าหากเราเดินไปตามแนวทางนี้แล้วเกิดผลอะไรได้บ้าง และแต่ละผลที่เกิดขึ้นมานั้น เราจะใช้วิธีการอะไรไปพัฒนา หรือแก้ไขปรับปรุงให้สิ่งนั้นดีขึ้นนั่นเอง ว่าง่ายๆคือเตรียมไปเลยแผน A – Z มันต้องมีทางรอดสักทางแน่นอน ถึงแม้ว่าแผนบางอันอาจจะไม่ได้ใช้เลยแต่ก็ดีกว่าการรับมือปัญหาโดยที่ไม่มีแผนใดๆมารองรับ และแก้ไขเอาแบบเฉพาะหน้าซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงในธุรกิจได้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการวางอผนจึงต้องใช้ทั้งความรู้ความเข้าใจในบริษัท การบริหารงานแต่ละส่วน และความเป็นไปของเศรษฐกิจที่มีผลต่อการบริการบริษัทหรือธุรกิจของเรานั่นเอง
-
ลดต้นทุนลง
ต้นทุนในที่นี้หมายถึงตัวเงินและเทคโนโลยีที่มีราคาสูง แต่ควรเพิ่มพูนความรู้ให้มากขึ้น เพราะว่าเงินที่เราต้องเสียไปกับต้นทุนทั้งด้านวัสดุ วัตถุดิบและเทคโนโลยีที่มีราคาสูงต่างๆนั้น จะส่งผลทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ของเรามีราคาสุงขึ้นตาม และสิ่งที่ตามมาก็คือการขายไปสุ่ประชาชนหรือตลาดนั้นทำได้น้อยลงเนื่องจากคนไม่ต้องการใช้เงินนั่นเอง ดังนั้นเมื่อคิดจะทำธุรกิจ อย่าลืมพยายามลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด แต่ก็อย่าลืมว่าสินค้านั้นๆ จะต้องมีคุณภาพด้วย เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มากที่สุดนั่นเอง
-
เลี่ยงไปใช้การสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
หากคุณจำเป็นต้องใช้เงินตราต่างประเทศในการทำธุรกิจจริงๆ ก็อาจจะเลี่ยงไปใช้การสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าแทน โดยเลือกซื้อตอนที่เงินโอเคหรือพอรับได้ในสายตาของเราก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนในเงินตราที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลานั่นเอง
และนี่คือวิธีการรับมือการค่าเงินที่ผันผวนที่เราเอามาฝากกัน แม้ว่าจะอาจจะไม่ครอบคลุมทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นแนวทางในการตั้งหลักที่ดี เพื่อรับมือกับปัญหาภาวะเงินตราผันผวนนั่นเอง